คอลัมน์เพื่อคุณฉบับนี้ เราจะชวนคุณผู้อ่านมาเปิดหัวใจทนายคนไทย "คุณโจอี้ จิตต์มั่นการ " เพื่อมาฟังเสียงความมุ่งมั่นในหัวใจลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนยันกับเราว่า จะอยู่ข้างความถูกต้อง เพื่อปกป้องผู้ที่กำลังจะเพลี่ยงพล้ำต่อความไม่เป็นธรรม เพราะไม่มีความรู้เรื่องกฏหมายคนเข้าเมือง หรือ Immigration Law กันนะคะ..ส่วนแง่คิดของทนายโจอี้จะทำให้คุณผู้อ่านได้รับสาระอะไรกันบ้าง..ตามเรามาเปิดหัวใจ ทนายโจอี้ กันเลยค่ะ..
ทนายโจอี้ เปิดใจเล่าความรู้สึกถึงอาชีพทนายความกับเราอย่างน่าฟัง และอาจทำให้คุณผู้อ่านแอบยิ้มเล็กๆ ว่า " ผมคิดว่า คนที่ประกอบอาชีพทนายความก็น่าจะมีความคิดคล้ายๆกับผม นั่นคือการชอบให้ความช่วยเหลือสังคมนะครับ โดยเฉพาะผมแล้ว ผมมีความรู้สึกว่า ธรรมชาติของผมคือ ผมมีนิสัยชอบปกป้องคนอื่น ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ผมยังเด็กๆ เวลามีเรื่องชกต่อยกันในชั้นเรียน ผมจะเป็นคนหนึ่งในวงชกต่อยตลอด เพราะผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง และผมต้องตัดสินเพื่อปกป้องเพื่อนที่ถูกรังแก หรือแม้แต่ใครก็ตามที่ถูกข่มขู่ รังแก โดยที่ผมก็รู้ตัวเองว่า ผมไม่อาจจะเปลี่ยนนิสัยนี้ได้ ถ้าอย่างนั้น ผมก็จะใช้ธรรมชาติที่มีนิสัยชอบปกป้องของผม มาทำงานอาชีพทนายความที่จะต่อสู้เพื่อผู้ที่ถูกรังแก หรือได้รับความไม่เป็นธรรม อย่างถูกกฏหมาย และไม่ต้องไปชกต่อยกับใครอีก จะดีกว่า.. (ยิ้ม)
ผมเป็นคนไทยที่เกิดและเติบโตที่เมืองลอส แอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ความจริงในตอนเด็กนั้น ผมชอบอาชีพหมอด้วยนะครับ แต่ระหว่างอาชีพหมอกับทนายความ ที่สุดแล้ว ผมก็เลือกอาชีพทนายความ เพราะผมเห็นแล้วว่า สังคมไทยยังต้องการผู้รู้เรื่องกฏหมาย ที่สามารถติดต่อสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ที่จัดเป็นข้อจำกัดในการดำเนินเรื่องในด้านการยื่นเอกสารต่างๆ ผมจึงคิดว่าด้วยความรู้ความสามารถของผม การทำหน้าที่ทนายความจะช่วยเหลือสังคมไทยเราได้อีกมาก ผมเรียนจบระดับชั้นปริญญาตรีจาก University of California, Irvine ปริญญาโทและปริญญาเอกจาก University of West Los Angeles ระหว่างที่ศึกษาอยู่ ผมได้ฝึกงานที่ Kaiser Permanente Hospital หลังจากจบการศึกษา ผมได้หาประสบการณ์จากการทำงานด้าน Contract Administrator ที่ Universal Music Group จากนั้นผมก็ได้ทำตามความมุ่งมั่นของผมเปิดสำนักงานทนายความของตนเองชื่อ Law Offices of Joseph Chitmongran ซึ่งหากนับประสบการณ์การทำงานทางด้านกฏหมายคนเข้าเมือง หรือ Immigration Law แล้ว ก็15 ปีกว่าแล้วครับ
..จริงๆ แล้วสิ่งที่ทำให้ผมให้ความสนใจเรื่องกฏหมายคนเข้าเมืองจนเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชุมชนชาวไทยก็เพราะว่า มันเป็นเรื่องบังเอิญน่ะครับ คือตอนนั้นผมทำงานร่างสัญญาให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการเพลง พอดีเพื่อนที่สนิทกับครอบครัวผมได้ขอให้ผมช่วยดูคดีหนึ่ง แต่ตอนนั้น ผมไม่รู้อะไรมากเลยเกี่ยวกับกฏหมายคนเข้าเมือง แต่ผมก็รับปากว่าจะช่วยดูให้ แต่หลังจากที่ผมได้อ่านคดีนั้นอย่างละเอียดแล้ว ผมตกใจมาก เพราะคนที่ทำคดีนี้ ไม่ใช่แค่ไม่ได้เป็นทนาย แต่ยังไม่ได้มีแม้แต่ความรู้พื้นฐานทางด้านกฏหมายคนเข้าเมือง และรับทำคดีเพียงเพราะหวังอยากได้เงินเท่านั้น หลังจากนั้นผมก็ได้เข้าไปศึกษาคดีต่างๆที่ได้ถูกยื่นเรื่องเข้าไปที่ USCIS และพบว่ามีคดีที่กำลังรอส่งกลับอีก 2-3 คดี คนเหล่านั้นเป็น เหยื่อ ในสายตาของผม ที่หลงให้ความไว้วางใจเพราะอาจเชื่อว่า เป็นทนายความ หรือมีความรู้เรื่องกฏหมายดี หรือไม่ก็เพราะการให้คำมั่นสัญญาว่าทำได้ ผมจึงรู้สึกว่า ผมไม่อาจปล่อยให้สังคมไทยถูกหลอกต่อไปได้อีก และผมจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าคนไม่ดีเหล่านั้นอาจยังไม่หมดไปจากสังคมไทยเราก็ตาม..และผมหมายความอย่างนั้น "
เป็นอย่างไรบ้างคะ ได้ฟังเสียงความมุ่งมั่นต่ออาชีพทนายความของคุณโจอี้ที่มาเปิดใจให้ฟังกันแล้ว แต่ยังไม่จบแค่นี้นะคะ เพราะทนายโจอี้ หัวใจไทยคนนี้กำลังจะมาเป็นผู้หนึ่งที่คอยให้ความรู้ทางด้านกฏหมายผ่านทางคอลัมน์ของเราที่นี่ค่ะ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกฏหมายคนเข้าเมือง หรือ Immigration Law ที่สามารถให้ความช่วยเหลือครอบคลุมทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะเป็น Federal Law, หรือกฏหมายเกี่ยวกับธุรกิจ (Business Practices), กฎหมายอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ (Commercial Real Estate Law) และกฎหมายแพ่ง (Civil Action) ก็สามารถสอบถามได้เลยค่ะที่สำนักงาน(818) 846-5639 หรือ พูดภาษาไทยที่ (818) 505-4921 และทางอีเมลที่
JC4LAW@HOTMAIL.COM หรือจะเข้าไปเยี่ยมชมเว็ปไซต์ของทนายโจอี้ได้ที่ WWW.JC4LAW.COM และ FACEBOOK ที่ https://www.facebook.com/ThaiAttorney
และสำหรับท้ายคอลัมน์นี้ คุณผู้อ่านรู้สึกเหมือนเรามั๊ยคะว่า เราได้แง่คิดจากทนายโจอี้ที่น่าคิดประการหนึ่ง นั่นคือการรู้จักตนเอง และได้ใช้ศักยภาพของตัวเองมาจรรโลงสังคมแวดล้อม เพราะการต่อสู้โดยใช้กำลังอาจได้รับการยอมรับในวงจำกัด ที่พร้อมจะปะทุขึ้นมาใหม่ หรือเพลี่ยงพล้ำเสี่ยงต่อชีวิตของตนเอง และคนรอบข้าง แต่การต่อสู้ด้วยกฏหมายที่เป็นไปตามเอกสาร หลักฐานการลำดับเวลาของเหตุการณ์ และดำเนินไปตามขั้นตอนที่อยู่บนจริยธรรมนั้นย่อมได้รับการปกป้องอย่างถาวร เพราะความถูกต้องนั้นล้วนเกิดขึ้นจริงเสมอ แต่ความไม่ถูกต้องต่างหากที่ไม่เคยมีอยู่จริงบนโลก และพบกับเราฉบับหน้ากับกฏหมายน่ารู้ ที่ทนายโจอี้จะนำมาฝากกันนะคะ อย่างไรก็ดี คอลัมน์เพื่อคุณฉบับนี้ขอขอบคุณ ทนายโจอี้ จิตต์มั่นกานต์ ที่มาช่วยยืนยันว่าให้เรารู้ว่า "ผมจะต่อสู้ เพื่อความถูกต้องให้คุณ..เพราะอะไร " แล้วพบกับเราที่นี่ฉบับหน้าสวัสดีค่ะ..