เว็บไซต์ของนิวยอร์กโพสต์ รายงานข่าวเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2019 ว่า แม็กซ์เวลล์ เฟเดอร์บุช ชาวอเมริกัน ซึ่งทำงานให้กับกลุ่มทุนจากเวียดนาม ได้ยื่นฟ้องต่อศาลซูพรีมของเมืองแมนฮัทตัน รัฐนิวยอร์ก เพื่อขอหย่าขาดจากภรรยา นิชิตา ชาร์ นักธุรกิจหญิงเชื้อสายไทย ซึ่งได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ ให้อยู่ในอันดับ 32 ของ "50 บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย” เมื่อปี 2018 โดยประเมินว่าครอบครัวของเธอมีทรัพย์สินประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์
ข่าวบอกว่าการฟ้องหย่า ซึ่งเป็นการฟ้องหย่าแบบโต้แย้ง (contested divorce) ครั้งนี้ หนุ่มอเมริกันวัย 45 ปี ได้เรียกร้องเป็นผู้ปกครองลูกชาย วัย 7 ขวบแต่เพียงผู้เดียวด้วย
โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นิชิตา ชาร์ ซึ่งเป็นผู้บริหารของกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของไทยชื่อ จีพี กรุ๊ป ได้ยื่นฟ้องศาลรัฐบาลกลางในแมนฮัทตัน กล่าวหา แม็กซ์เวลล์ เฟเดอร์บุช ว่าลักพาตัวเด็ก (child abduction) เพราะฝ่ายชาย “ผิดสัญญา” ไม่ยอมอพยพกลับเมืองไทย ทั้งที่เคยตกลงกันไว้
โดยมหาเศรษฐีนีเชื้อสายอินเดียวัย 39 ปี อ้างว่าเธอและสามี ตกลงกันว่าจะย้ายครอบครัวจากเมืองไทยมาพำนักที่นิวยอร์ก เพียงแค่สองปี เพื่อให้โอกาสกับชีวิตคู่ที่กำลังล้มเหลว แต่ฝ่ายชายแย้งว่าไม่มีการตกลงใดๆ อย่างที่ฝ่ายหญิงระบุทั้งส้ิน
คดีดังกล่าว ลงเอยเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยการที่ผู้พิพากษาหญิง วาเลอรี คาโปรนี เห็นชอบกับ แม็กซ์เวลล์ เฟเดอร์บุช ที่แย้งว่าเขาและ นิชิตา ชาร์ ตกลงกันว่าจะย้ายมาอยู่ในสหรัฐฯ อย่างถาวร ไม่ใช่เพียงแค่สองปีดังที่ฝ่ายหญิงฟ้อง เห็นได้จากการทำสัญญาเช่าอพาร์ทเมนท์, การส่งลูกชายเข้าเรียนโรงเรียนเอกชน โทนี บัคเลย์ สกูล และทำสัญญาบริจาคเงินให้กับโรงเรียนต่อเนื่องกันหลายปี
นิวยอร์กโพสต์ บอกต่อไปว่า สองสามีภรรยาพบรักกันที่ประเทศไทยเมื่อปี 2008 ก่อนจะเข้าพิธีแต่งงานกันที่ประเทศตุรกี เมื่อปี 2010 และจดทะเบียนสมรสกันในปี 2012 หลังจากที่พ่อของฝ่ายหญิง คือ กิริต ชาร์ ซึ่งข่าวบอกว่าเป็นผู้กุมกระเป๋าเงินของครอบครัว บังคับให้คู่สามีภรรยา เซ็นชื่อในเอกสารแบ่งแยกทรัพย์สินก่อนสมรส (prenup) แล้ว
ข่าวอ้างข้อความในเอกสารฟ้องหย่าของฝ่ายชายต่อไปว่า หลังแต่งงาน ทั้งสองอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ของฝ่ายหญิงในกรุงเทพฯ ก่อนจะย้ายเข้าบ้านพักของครอบครัวชาร์ ในเวลาต่อมา
“ช่วงหลายปีนี้เป็นช่วงที่มีการทะเลาะเบาะแว้งและขัดแย้งรุนแรง” คำฟ้องของฝ่ายชายระบุ และว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก “พ่อของฝ่ายหญิง” ที่เข้ามาควบคุมและบงการชีวิตครอบครัวของเขา ในฐานะหัวหน้าครอบครัว และว่าในปี 2013 ชีวิตรักของทั้งสองร้าวฉานถึงขั้น “แยกเตียงนอน”
ดังนั้น เพื่อรักษาชีวิตแต่งงาน ทั้งสองจึงตัดสินใจย้ายมานิวยอร์กเมื่อเดือนสิงหาคม 2017 ซึ่งการแยกตัวออกมาอยู่กันเพียงลำพัง สามารถทำให้ชีวิตคู่ของทั้งสองดีขึ้น แต่ก็เป็นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น เพราะในช่วงซัมเมอร์ของปี 2018 นิชิตา ชาร์ บอกกับสามีว่าเธอต้องการที่จะแยกทาง
ทั้งสองทะเลาะกันเรื่องพาลูกชายกลับประเทศไทย โดยฝ่ายชายเกรงว่าหากยอมให้ภรรยานำลูกไป พ่อตาของเขาจะไม่ยินยอมให้หลานกลับนิวยอร์กอีก เพราะครั้งหนึ่ง พ่อตาของเขา เคยยึดหนังสือเดินทางของหลานชายไปเก็บไว้หลายวันมาแล้ว
ข่าวของนิวยอร์กโพสท์ ระบุถึงคำตัดสินของผู้พิพากษา วาเลอรี คาโปรนี ต่อไปด้วยว่า คำให้การของ นิชิตา ชาร์ ไม่สอดคล้องและไม่น่าเชื่อถือในเรื่องที่ว่าเธอและครอบครัวตั้งใจจะอยู่ที่นิวยอร์กเพียงแค่สองปี และว่าหลักฐานของฝ่ายชาย ที่บอกว่าทั้งสองตัดสินใจย้ายมาอยู่นิวยอร์กอย่างถาวร มีน้ำหนักมากกว่า
ผู้พิพากษาหญิงระบุด้วยว่า นิชิตา ชาร์ ได้ยื่นฟ้องขอเป็นผู้ปกครองลูกชายแต่เพียงฝ่ายเดียว กับศาลของประเทศไทยด้วย ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา “เพราะเธอคิดว่าศาลไทยจะสงสารเธอมากกว่าศาลของนิวยอร์ก” ผู้พิพากษาหญิง ระบุ
ข่าวอ้างคำกล่าวของ เบอร์นาร์ด แคลร์ ทนายความของฝ่ายชาย ที่อ้างว่า นิชิตา ชาร์ อยู่ที่ประเทศไทยตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และไม่มีแผนจะกลับมาจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งการไม่อยู่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ สอดคล้องกับความเห็นของลูกความของเขา ที่ฟ้องว่า นิชิตา ชาร์ ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการเป็นผู้ดูแลลูกชายของเขา
“เราเชื่อว่าการที่แม่ ตัดสินใจยื่นฟ้องข้อหาปลอมๆ ว่าพ่อเป็นคนลักพาตัวลูกนั้น เป็นเพราะพ่อของเธอต้องการให้เธออยู่ในอุ้งมือของเขา” เบอร์นาร์ด แคลร์ กล่าว และว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการ “เปิดตา” ลูกความของเขาให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างไร
ด้าน มาริลีน ชินีทซ์ ทนายความของ นิชิตา ชาร์ กล่าวว่า ลูกความของเธอพยายามสุดความสามารถในการเจรจาหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย รวมถึงลูกชายของเธอด้วย
“แต่โชคไม่ดี คุณ เฟเดอร์บุช ไม่ได้แสดงออกถึงความปรารถนาแบบเดียวกัน” ทนายความของเศรษฐีนีไทยกล่าว และว่าลูกความของเธอยังคงมีความหวังอย่างสูงว่าทั้งสองฝ่าย จะสามารถตกลงกันนอกศาลได้
“ขั้นตอนต่างๆ ของทั้งสองฝ่าย ควรเกิดขึ้นแบบส่วนตัว และเพื่อลูกของทั้งสองคน เราหวังว่าคุณเฟเดอร์บุช คงจะเห็นด้วย” ทนายความของ นิชิตา ชาร์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ข่าวไม่ได้ระบุว่าศาลซูพรีมของเมืองแมนฮัทตัน รัฐนิวยอร์ก จะเริ่มต้นพิจารณาคดีฟ้องหย่า และขอเป็นผู้ปกครองลูกเพียงคนเดียวของ แม็กซ์เวลล์ เฟเดอร์บุช เมื่อไหร่
ทั้งนี้ นิชิตา ชาร์ เป็นนักธุรกิจหญิงหมื่นล้าน ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในอภิมหาเศรษฐีนีไทย 4 ปีซ้อน เธอเป็นลูกสาวคนโตของมิสเตอร์กิริต ชาห์ และ มิสซิสแอนจู ชาห์ ชาวอินเดียที่ปักหลักอยู่เมืองไทย โดยเธอเกิดในประเทศไทย เรียนจบด้านกฎหมายธุรกิจและการเงินที่มหาวิทยาลัยบอสตัน รวมถึงเรียนด้านการบินที่แอลเอ
นิชิตา ชาร์ ถือเป็นทายาทรุ่นที่ 4 ที่สืบทอดกิจการมูลค่ามหาศาลจากครอบครัว ที่ก่อตั้งมานานกว่าร้อยปี โดยรับหน้าที่เป็นผู้บริหารของ GP Group ซึ่งมีบริษัทในเครือกว่า 17 อุตสาหกรรมและมีพนักงานมากกว่า 4 พันคน อาทิ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) ธุรกิจขนส่งทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้ ฟอร์บส์ ยังเคยจัดอันดับให้ นิชิตา ชาห์ เป็นหนึ่งใน 15 นักธุรกิจหญิงที่ทรงอิทธิพล และน่าจับตามองมากที่สุดของทวีปเอเชีย เมื่อปี 2012 ด้วย.
.
.