เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2020 สถานีข่าว เอบีซีนิวส์ 5 ในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ รายงานข่าวการต่อสู้ของร้านอาหาร ที่ถูกแอพพลิเคชั่นกรับฮับ (GrubHub) แอบอ้างว่าอยู่ในเครือข่าย และอยู่ในบริการส่งอาหารของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือปราศจากการรับรู้ของเจ้าของร้าน เป็นเหตุให้มีร้านอาหารอย่างน้อยสองแห่งรวมตัวยื่นฟ้องร้องในลักษณะคลาสแอ๊คชั่น (ฟ้องหมู่) เพื่อเรียกค่าเสียหาย โดยข่าวบอกว่าร้านอาหารที่ถูกแอบอ้างโดยกรับฮับดังกล่าวนี้มีมากกว่า 100,000 ร้าน (จากรายชื่อทั้งหมดของกรับฮ้บ ซึ่งมีอยู่กว่า 150,000 ร้าน)
ข่าวบอกด้วยว่า กรับฮับ เคยทำหนังสือแจ้งถึงผู้ถือหุ้นถึงวิธีการเพิ่มรายชื่อของร้านอาหารที่ไม่ได้เป็นสมาชิก (non-partner restaurants) เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีตัวเลือกมากขึ้นว่าอาจไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาระยะยาว แต่ผู้บริหารของกรับฮับ เห็นว่าเป็นวิธีที่ได้ผล และไม่ต้องลงทุน โดยหวังว่าวิธีนี้จะเพิ่มรายชื่อร้านอาหารที่เป็นสมาชิกได้สองเท่าภายในสิ้นปี 2020
ข่าวของ เอบีซีนิวส์ 5 อ้างถึงร้านอาหารไทยเล็กๆ ในเมืองเอวอนเลค ชื่อว่า “ไทยชิลี่” ว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากการแอบอ้างของกรับฮับค่อนข้างรุนแรง
ร้านไทยชิลี่ ที่เปิดบริการมาเกือบสิบปีนี้ เป็นของ โทมัส ดีจิโรลาโม่ และภรรยาคนไทย ชื่อว่าสมหญิง โดยร้านอาหารไทยเล็กๆ ของทั้งสองเน้นการให้บริการที่ดี จนมีลูกค้าประจำเป็นจำนวนมาก แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ทั้งสองเริ่มผิดสังเกตกับออเดอร์ทูโกที่ทางร้านได้รับมากขึ้น โดยออร์เดอร์เหล่านี้ ผู้มารับจะจ่ายเงินผ่านบัตรเดบิตของกรับฮับ และอูเบอร์อีทส์ (UberEats)
“ปัญหาที่เกิดตามมาก็คือว่า บางครั้งออเดอร์ที่สั่งต่อๆ กันมามันเพี้ยนไป บางครั้งอาหารไปถึงมือลูกค้าในสภาพเย็นชืด และมีอยู่ช่วงหนึ่ง ทางร้านได้รับออร์เดอร์เป็นอาหารที่ไม่อยู่ในเมนูของทางร้านแล้ว” โทมัส ดีจิโรลาโม่ กล่าว
“เรามารู้ทีหลังว่า กรับฮับ เอาร้านของเราไปโพสต์ในแพลทฟอร์มของเขา เขาควรจะขออนุญาตจากเรา เพราะว่ามันคือธุรกิจ มันเหมือนไปเจออะไรแล้วก็คว้ามาเลย” เจ้าของร้านไทยชิลีกล่าว
ผลเสียที่ทางร้านไทยชิลี่ได้รับมากที่สุดจากการถูกแอบอ้างชื่อของกรับฮับครั้งนี้ เจ้าของร้านบอกว่าคือการสร้างความสับสนให้กับลูกค้า ยิ่งกว่านั้น ลูกค้าที่ไม่แฮปปี้กับออร์เดอร์ ต่างพากันเขียนวิจารณ์ในเชิงลบบนเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งที่เป็นความผิดของกรับฮับทั้งสิ้น
“คุณต้องเจอกับคนที่แสดงความเห็นออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว ตอนที่กำลังโกรธ แทนที่จะคุยกับเราโดยตรง” โทมัส ดีจิโรลาโม่ กล่าว “พวกเขาจะเอาเงินคืน หรือไม่ก็เขียนด่าเราออนไลน์ เขียนวิจารณ์แบบเสียๆ หายๆ ซึ่งมีผลร้ายกับธุรกิจของเราอย่างมาก”
ข่าวบอกว่า เจ้าของร้านไทยชิลี่ ได้พยายามติดต่อกับกรับฮับเป็นเวลาถึงสี่เดือน ทั้งโทรศัพท์ อีเมล์ และส่งจดหมาย เรียกร้องให้เอาชื่อร้านของตนออกจากบริการของกรับฮับ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งวันที่กรับฮับ ถูกร้านอาหารสองแห่ง คือ เดอะฟาร์มเมอร์ส ไวฟ์ ในแคลิฟอร์เนีย และแอนโทเนีย ในนอร์ธ คาโรไลน่า ร่วมกันยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ช่ือของร้านไทยชิลี่ จึงถูกลบออกจากแพลทฟอร์มของกรับฮับ
ทั้งนี้ คำร้องของร้านอาหารสองแห่งระบุว่า พฤติกรรมของกรับฮับ “สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับภาพพจน์ที่สร้างมาด้วยความลำบากยากเย็น” และทำให้ทางร้าน “ไม่สามารถควบคุมประสบการณ์ที่ดีในการรับประทานอาหารของลูกค้า ไม่สามารถควบคุมการนำเสนอในระบบออนไลน์ของทางร้าน และทำให้ความต้องการ (demand) ของลูกค้าถูกลดลงด้วย"
คำฟ้องอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยว่า หากมีออร์เดอร์ของร้านที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ออร์เดอร์ดังกล่าวจะไม่ถูกส่งไปที่ร้านอาหารโดยตรง แต่จะถูกส่งไปยังคนขับรถของกรับฮับ ที่จะต้องหาทางติดต่อกับทางร้านเพื่อสั่งอาหารอีกต่อหนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็สามารถออร์เดอร์ทางโทรศัพท์ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ทางร้านจะรับออร์เดอร์จากลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้านเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นมานี้ นอกจากจะทำให้ลูกค้าได้รับอาหารล่าช้าแล้ว ยังทำให้โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดมีสูงขึ้น หรือบ่อยครั้ง ที่ทางร้านไม่ได้รับออร์เดอร์ของลูกค้าเลย
ในส่วนของร้านไทยชิลี่นั้น โทมัส ดีจิโรลาโม่ กล่าวว่ารู้สึกโล่งใจที่กรับฮับถอดชื่อร้านของตนออก และว่าจากนี้ไป ตนและภรรยา จะต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อกู้ภาพพจน์ที่ดีของทางร้านคืนมา.