แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : นักวิเคราะห์ระบุว่า ไทย เวียดนาม ไต้หวัน และสวิตเซอร์แลนด์จะถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีในฐานะประเทศที่ทำการบิดเบือนค่าเงินเพื่อหวังผลทางการค้าจนส่งผลให้สหรัฐฯขาดดุลการค้าจำนวนมาก
เอ็นบีซี รายงานข่าวเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ว่ากระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และเวียดนาม เป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน (currency manipulator) โดยระบุว่าคำประกาศดังกล่าว มีชื่อของ อินเดีย ไทย และไต้หวัน รวมอยู่ด้วยในฐานะประเทศที่ควรจะถูกจัดการในฐานะบิดเบือนค่าเงินมานานแล้ว
ข่าวบอกด้วยว่า หลักการของกระทรวงการคลังในการตัดสินว่าประเทศใดเข้าข่ายเป็นประเทศที่ทำการปั่นค่าเงิน มีทั้งหมดสามข้อ คือประเทศนั้นจะต้องมีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯมากกว่า 20 พันล้านดอลลาร์, มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด (a global current account) มากกว่า 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และธนาคารกลางของประเทศดังกล่าวได้เข้าแทรกแซงค่าเงิน และเข้าซื้อดอลลาร์เกินกว่า 2% ของ GDP ซึ่งทุกประเทศในประกาศของกระทรวงการคลัง ล้วนแต่มีครบทั้งสามข้อ และอาจจะถูกสหรัฐฯ ออกมาตรการทางภาษีเพื่อตอบโต้ในเร็วๆ นี้
ข่าวบอกด้วยว่า การตั้งข้อหากับประเทศคู่ค่ากับสหรัฐฯ โดยรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งล่าสุดนี้ จะสร้างแรงกดดันให้กับการเข้ามาทำงานของว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในเดือนมกราคม โดยสำนักงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่าการประกาศรายชื่อประเทศบิดเบือนค่าเงินครั้งนี้ ไม่มีการสรุปย่อให้คณะทำงานเกี่ยวกับการถ่ายโอนอำนาจของไบเดนทราบ และว่า “พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
เอ็นบีซี บอกด้วยว่า ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ จาเน็ท เยลลัน มีสิทธิ์ที่จะแก้ไขประกาศฉบับนี้ได้ เมื่อถึงเวลาทำรายงานค่าเงิน (currency report) ในเดือนเมษายน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯประกาศจัดเก็บภาษีตอบโต้การอุดหนุนของรัฐบาล (CVD) ต่อยางรถยนต์ที่นำเข้าจากเวียดนาม โดยจะเรียกเก็บในอัตรา 6.23-10.08% ซึ่งการดำเนินการของสหรัฐฯในครั้งนี้ นับเป็นการใช้มาตรการดังกล่าวเป็นครั้งแรกเพื่อตอบโต้รัฐบาลต่างชาติที่จงใจลดค่าเงินเพื่อเอื้อต่อการส่งออกสินค้า โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯระบุว่า เวียดนามจงใจลดค่าเงินดองให้อ่อนค่าเกินจริงในปีที่แล้วเพื่อหวังผลทางการค้า
ทั้งนี้ รายงานของกระทรวงการคลังระบุว่า เวียดนามได้จงใจลดค่าเงินดองราว 4.7% ในปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยรัฐบาลเวียดนามได้ทำการแทรกแซงค่าเงินดอง ด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินตราต่างประเทศสุทธิคิดเป็นมูลค่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยดำเนินการผ่านทางธนาคารกลางเวียดนาม
รายงานดังกล่าวเป็นรายงานที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯจัดทำขึ้นเพื่อส่งไปยังกระทรวงพาณิชย์สำหรับการสอบสวนกรณีการนำเข้ายางรถยนต์จากเวียดนาม โดยกระทรวงการคลังสรุปว่าเวียดนามได้จำหน่ายยางรถยนต์ในสหรัฐฯในราคาที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลเวียดนามเข้าแทรกแซงในตลาดปริวรรตเงินตรา
อย่างไรก็ดี การบิดเบือนค่าเงิน ไม่ได้เป็นเพียงข้อหาเดียวที่สหรัฐฯ กล่าวหาไทย เวียดนามและไต้หวัน เพราะโดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าสหรัฐฯ กำลังเดินหน้ากระบวนการพิจารณาจัดเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ต่อยางรถยนต์ที่นำเข้าจากทั้งสี่ประเทศ คือไทย เวียดนาม ไต้หวัน และเกาหลีใต้ หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจากสหภาพแรงงานยูไนเต็ด สตีลเวิร์คเกอร์ (USW) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตยางรถยนต์ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ จะประกาศผลการพิจารณาจัดเก็บภาษี AD ต่อทั้ง 4 ประเทศในวันที่ 29 ธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยในกรณีของไทย หากพบว่ามีความผิดตามข้อกล่าวหา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 217%
ข่าวจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ บอกว่าสหรัฐฯนำเข้ายางรถยนต์ราว 4 พันล้านดอลลาร์จากทั้ง 4 ประเทศ โดยนำเข้าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์จากไทยในปี 2019