เมื่อสายวันพุธที่ 30 ธันวาคม เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้แถลงข่าวการพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์ในแคลิฟอร์เนียภาคใต้ โดยบอกว่าได้รับการยืนยันจากสำนักงานสาธารณสุขของ ซานดิเอโก เคาน์ตี้ ว่าได้มีผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้จริง เป็นชายหนุ่มวัย 30 ปี ถือเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์รายแรกของรัฐแคลิฟอร์เนีย และรายที่สองของอเมริกา (รายแรกเป็นผู้ติดเชื้อในรัฐโคโลราโด้)
ไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าวนี้ แพทย์และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสามารถแพร่กระจายได้ง่ายกว่าไวรัสโควิด-19 ตัวเดิม แต่ไม่เชื่อว่ามีอันตรายมากกว่า หรือทำให้ผู้ติดเชื้อมีโอกาสล้มป่วยได้มากกว่า
ในกรณีของผู้ติดเชื้อในซานดิเอโก้นี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อรายอื่นอีก เพราะผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่ได้เดินทางออกจากพื้นที่เลยในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนใน ลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้นั้น ดร.บาร์บาร่า เฟอร์เรอร์ หัวหน้าสำนักงานสาธารณสุขของเคาน์ตี้ แถลงวันเดียวกันว่า ห้องแลปของสำนักงาน ทำการตรวจวิเคราะห์การกลายพันธุ์ของยีน (genome testing) จากตัวอย่างไวรัสโควิด-19 จำนวน 26 ตัวอย่าง แต่ไม่พบการกลายพันธุ์
อย่างไรก็ดี หัวหน้าสำนักงานสาธารณสุขของเคาน์ตี้ บอกว่าเธอจะไม่แปลกใจ หากมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในแอลเอ เคาน์ตี้ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุดของแคลิฟอร์เนีย และโดยธรรมชาติของไวรัสกลายพันธุ์ ที่สามารถแพร่ลามได้อย่างรวดเร็ว
เช่นเดียวกับความเห็นของ ดร.แอนโทนี เฟาชี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับสูงของสหรัฐฯ ที่บอกว่าเขาจะไม่แปลกใจเช่นกัน หากพบไวรัสกลายพันธุ์ในพื้นที่อื่นๆ อีก
“ผมไม่คิดว่า ชาวแคลิฟอร์เนียควรจะรู้สึกว่าผิดปกติ” ดร.แอนโทนี เฟาชี่ กล่าว “นี่คือสิ่งที่คิดเอาไว้ก่อนแล้ว”
อย่างไรก็ดี ดร.แอนโทนี เฟาชี ยืนยันว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีในปัจจุบัน มีผลในการป้องกันโควิด-19 กลายพันธุ์ได้ เพราะไม่มีความแตกต่างมากนักระหว่างไวรัสสองสายพันธุ์ และว่าผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ไม่น่าจะติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ได้อีก เพราะภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นมา สามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ได้ด้วย.