แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : “ทรัมป์” สร้างภาพเรียกร้องไม่ให้มีเหตุการณ์รุนแรงในวันสาบานตัว ในวันเดียวกับที่สภาผู้แทนฯ เห็นชอบให้ดำเนินการพิจารณา “ปลด” ทรัมป์พ้นตำแหน่ง สร้างประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่ถูกฟ้องปลดซ้ำสองครั้งในสมัยเดียว

เมื่อบ่ายวันที่ 13 มกรคม 2021 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านฟ็อกซ์นิวส์ เรียกร้องให้ยุติเหตุการณ์รุนแรงและความไม่สงบในกรุงวอชิงตันดีซี และทั่วประเทศ หลังจากที่บรรดาผู้สนับสนุนของเขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผิวขาวหัวรุนแรง ได้เริ่มก่อหวอดว่าจะบุกทำลายพิธีสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ของโจ ไบเดน ในวันที่ 20 มกราคม ที่จะถึงนี้ 

“ขณะมีกระแสข่าวว่าจะมีการเดินขบวนประท้วงอีกนั้น ผมขอเรียกร้องว่าจะต้องไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ไม่มีการทำผิดกฎหมาย และไม่มีการทำลายทรัพย์สินในทุกๆ กรณี”  และว่า “นั่นไม่ใช่จุดยืนของเรา และมันไม่ใช่จุดยืนของอเมริกาด้วย ผมเรียกร้องให้ชาวอเมริกันทุกๆ คนช่วยกันลดความกดดัน และขอให้ใจเย็นๆ, ขอบคุณ” ทรัมป์ระบุ

ท่าทีของทรัมป์ มีขึ้นหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 223 ต่อ 205 เรียกร้องให้รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์  และคณะรัฐมนตรี ใช้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 (25th Amendment) เพื่อปลดทรัมป์ออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระด้วยเหตุผลว่าเป็นบุคคลที่มีสภาพจิตไม่ปกติ โดยการลงมติดังกล่าวถือเป็นความเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ เพราะก่อนหน้านั้น รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ได้แจ้งให้สภาผู้แทนราษฎรทราบก่อนแล้วว่าเขาจะไม่ใช้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 เพื่อปลดทรัมป์และขึ้นรักษาการแทน อ้างว่าตนไม่เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ 

จากนั้น ในช่วงบ่าย สภาผู้แทนราษฎรได้มีการอภิปรายเรื่องการใช้กระบวนการทางรัฐสภาในการถอดถอน (impeachment) ทรัมป์จากความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้เกิดเหตุการณ์จลาจลบุกรัฐสภา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของโจ ไบเดน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหลังจากการอภิปรายเสร็จสิ้น ก็ได้มีการลงมติ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ รวมถึงเสียงของ ส.ส.จากพรรครีพับลิกัน อย่างน้อย 6 คน เห็นชอบการถอดถอนทรัมป์

ข่าวบอกด้วยว่า การประชุมพิจารณาถอดทรัมป์ดังกล่าว เกิดขึ้นโดยมีทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิพร้อมอาวุธครบมือ ตรึงกำลังด้านนอกอาคารรัฐสภา เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง ตามที่ทรัมป์ได้ขู่เอาไว้ว่า หากรัฐสภาดำเนินการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง จะเกิดอันตรายสำหรับสหรัฐ เพราะเป็นการสร้างความไม่พอใจให้กับชาวอเมริกันจำนวนมาก

สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ที่ถูกพิจารณาปลดจากตำแหน่งด้วยข้อหาอาญาถึงสองครั้ง  ซึ่งหากญัตินี้ผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภา ก็จะทำให้ทรัมป์หมดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีได้อีก

ข่าวอ้างความเห็นของผู้เชี่ยวชาญการเมืองสหรัฐฯ ว่าท้ายที่สุดแล้ว ทรัมป์ก็จะรอดพ้นการถูกขับออกจากตำแหน่ง เพราะไม่มีทางที่เรื่องจะผ่านวุฒิสภา ซึ่งครองเสียงข้างมากโดยวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน ที่ยังคงสนับสนุนทรัมป์อยู่ เห็นได้จากการลงมติรับรองคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักการเมืองของรีพับลิกันถึง 139 คนที่โหวตไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

อย่างไรก็ดี ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญการเมืองบอกด้วยว่า ความพยายามของสภาผู้แทนราษฎรในการปลดทรัมป์ให้พ้นจากตำแหน่งครั้งนี้ เป็นเรื่องที่จำเป็น แม้จะไม่มีทางประสบความสำเร็จก็ตาม เพราะถือเป็นการแสดงออกในเชิงสัญญลักษณ์ ว่าพฤติกรรมของทรัมป์ ทั้งการไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ และการยุยงให้เกิดเหตุรุนแรงในประเทศ คือพฤติกรรมที่เลวร้าย ไม่เป็นประชาธิปไตย และที่สำคัญคือเป็นพฤติกรรมที่ไม่ได้รับยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

ทั้งนี้ ทรัมป์ ยังคงยืนกรานว่าเขาไม่มีความผิดใดๆ จากเหตุการณ์บุกรุกรัฐสภาเพื่อขัดขวางกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งเมื่อวันพุธที่  6 มกราคม โดยยืนยันว่าทุกอย่างเกิดขึ้นโดยปราศจากการยุยงปลุกปั่นของเขา

"ประชาชนคิดว่าสิ่งที่ผมพูดนั้น เหมาะสมแล้ว และคำพูดของผมไม่มีเนื้อหาที่ยั่วยุแต่อย่างใด และส่วนตัวผมเองนั้น ผมไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง" ทรัมป์กล่าว และขู่ว่าหากรัฐสภา ยังคงดำเนินการถอดถอนเขา จะเกิดอันตรายสำหรับสหรัฐ เพราะเป็นการสร้างความไม่พอใจให้กับชาวอเมริกันจำนวนมาก.