แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : พรพรรณ “หยิน” เศรษฐภากรณ์ อดีตผู้บริหารบริษัทใหญ่ของสิงคโปร์ ในเมืองไทย ปฏิเสธข้อหาอาญาของรัฐบาลกลางฐานสมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงกองทัพเรือสหรัฐฯ ก่อความเสียหาย 35 ล้านดอลลาร์

เอพีรายงานข่าวว่า เมื่อวันอังคารที่ 9 มีนาคม 2021 ว่า พรพรรณ หรือหยิน เศรษฐภากรณ์  ผู้ต้องหาคดีอาญาของรัฐบาลกลางข้อหาสมรู้ร่วมคิดและแอบอ้างข้อมูลเท็จ (false claims) เพื่อฉ้อโกงกองทัพเรือสหรัฐฯ จนเกิดความเสียหายมูลค่าไม่ต่ำกว่า 35 ล้านดอลลาร์ ได้ถูกศาลสั่งให้ควบคุมตัวโดยไม่มีการประกันเพื่อรอการฟังความ (Hearing) ที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายน

ข่าวบอกว่าผู้ต้องหาชาวไทย ได้ถูกทางการไทยส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน มายังซานดิเอโก้ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และได้ปฏิเสธข้อหาอาญาร้ายแรงดังกล่าวต่อศาลไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มีนาคม

ทั้งนี้ พรพรรณ หรือหยิน เศรษฐภากรณ์ นั้น เป็นอดีตผู้บริหารสำนักงานในประเทศไทยของบริษัท เกลนน์ ดีเฟนซ์ มารีน เอเชีย บริษัทผู้รับเหมางานเกี่ยวกับกองทัพ (defence contractor) ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้จัดหาน้ำมัน อาหารและบริการอื่นๆ ให้กับเรือทุกลำของกองทัพเรือสหรัฐ ในมหาสมุทรแปซิฟิก

โดยอัยการระบุว่า บริษัทเกลนน์ ดีเฟนซ์​ มารีนฯ และเจ้าของ ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “แฟ็ต เลียวนาร์ด” ได้ติดสินบนนายทหารของกองทัพเรือด้วยของขวัญ การท่องเที่ยว และหญิงโสเภณี ฯลฯ เพื่อแลกกับข้อมูลลับต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเอาชนะคู่แข่งในการประมูลงาน ทั้งที่คิดค่าบริการเกินราคาจริง

โดยกลโกงดังกล่าวนี้ สร้างความเสียหายให้กับกองทัพเรือสหรัฐฯ ไม่น้อยกว่า 35 ล้านดอลลาร์

ในส่วนของ พรพรรณ เศรษฐภากรณ์ นั้น ข่าวบอกว่าเธอถูกตั้งข้อหาตั้งแต่ปี 2014 ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดในการส่งใบแจ้งราคาที่เกินจริง, ใบแจ้งหนี้และใบเสร็จ คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 5 ล้านดอลลาร์ให้กับกองทัพเรือสหรัฐฯ

ข่าวบอกด้วยว่า คดีนี้มีผู้ต้องหามากกว่า 12 คน ทั้งเจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐ และพนักงานของบริษัท เกลนน์ ดีเฟนซ์ มารีนฯ โดยทุกคน รวมถึงนายทหารระดับนายพล (admiral) และ “แฟ็ต เลียวนาร์ด” เลนเนิร์ด ได้ให้การรับสารภาพต่อข้อหาทุกคน 

ทั้งนี้ พรพรรณ เศรษฐภากรณ์ นั้น มีชื่อปรากฎบนเว็บไซต์ของสมาคมนิสิตเก่านิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยระบุว่าเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาในปี 2014

สำหรับข้อหาสมรู้ร่วมคิดและแอบอ้างข้อมูลเท็จ (false claims) ของ พรพรรณ เศรษฐภากรณ์ นั้น  ข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นครลอสแอนเจลิส ระบุว่าเป็นความผิดจากกฎหมาย  False Claims Act (FCA) ซึ่งเป็นกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ห้ามบุคคล องค์กร หรือบริษัทใดๆทำการ ไม่ว่าจะด้วยตั้งใจหรือด้วยความประมาทเลิ่นเล่อ ที่เป็นการฉ้อโกงรัฐบาลกลางสหรัฐฯผ่านทางการพยายามปกปิด หลีกเลี่ยง หรือลดการจ่ายชำระเงิน หรือ การโอนเงิน หรือการโอนทรัพย์สิน ที่มีข้อผูกมัดจะต้องจ่ายชำระให้แก่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ 

โดยผู้ที่ถูกตัดสินว่าฝ่าฝืนกฎหมายนี้จะต้องจ่ายชำระเงินค่าปรับคดีทางแพ่งที่อาจจะสูงถึง 11,000 ดอลลาร์ ต่อการแจ้งเท็จหนึ่งครั้ง และจ่ายค่าเสียหายให้รัฐบาลกลาง สามเท่าของความเสียหายจริงที่รัฐบาล ได้รับ นอกเหนือไปกว่านั้นอาจจะมีโทษอื่นๆ เพิ่มเติมรวมถึงโทษจำคุก แล้วแต่กรณีไป

ข้อมูลของไทยเทรด แอลเอ บอกด้วยว่าในช่วงปี 2009-2012 รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้รับเงินจากคดีภายใต้กฎหมาย False Claims Act สูงถึง 13.3 พันล้านดอลลาร์ 

ในปี 2014 รัฐบาลกลางสหรัฐฯสามารถเรียกเก็บเงินคืนได้ทำสถิติถึง 5.69 พันล้านดอลลาร์ หรือหนึ่งในสี่ของเงินทั้งหมดที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สามารถเรียกเก็บเงินคืนมาได้จากคดีความต่างๆ ซึ่งรายได้จำนวนมากมหาศาลที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯได้มาจากการชนะคดีภายใต้กฎหมาย FCA นี้ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าการฟ้องคดีภายใต้กฎหมาย FCA ในปีต่อๆไปจะ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ.