โดย : แต้เจี้ยนหมิง

สัปดาห์นี้ เว็บไซต์ข่าวภาษาอังกฤษเกี่ยวกับประเทศไทย ชื่อ thethaiger.com ได้นำเสนอข่าวการเพิ่มขีดจำกัดความเร็ว (Speed Limits) ของการขับรถบนทางด่วนในประเทศไทย จากที่เคยกำหนดเอาไว้ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (55.92 ไมล์ต่อชั่วโมง) เป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (74.5 ไมล์ต่อชั่วโมง)

พวกเราที่นี่ ซึ่งต้องขับรถบนฟรีเวย์ภายใต้ความเร็วจำกัดแค่ 65 ไมล์ต่อชั่วโมง ทราบข่าวก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะเป็นการเพิ่มที่ค่อนข้างมาก

เมื่อตรวจสอบกับเว็บไซต์ข่าวของเมืองไทย พบว่าเรื่องนี้ เป็นมติที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา บอกว่า ครม. “ได้มีการศึกษาวิเคราะห์กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง และบูรณาการให้เกิดแนวทางที่สามารถนำไปใช้ในทางปฏิบัติได้ อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ไม่เกิดผลกระทบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนหรือสิ่งแวดล้อม รวมทั้งศึกษา วิเคราะห์ และกำหนดมาตรการที่ถูกต้องเหมาะสม” แล้ว

ก็เลยอยากจะแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ “ขีดจำกัดความเร็ว” ของรัฐแคลิฟอร์เนียกับคุณผู้อ่าน สำหรับเปรียบเทียบกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ “ชีวิตและสวัสดิภาพ” ของผู้ใช้รถใช้ถนนมากที่สุดข้อนี้

อย่างแรกคือความหมายของคำว่า “ขีดจำกัดความเร็ว” หรือ speed limits ที่หากเปิดรายละเอียดของกฎหมายดู จะพบคำอธิบายว่า เป็นความเร็วสูงสุด ที่ผู้ขับรถยนต์สามารถขับได้เมื่อเส้นทางการจราจรนั้นโล่ง และจะช่วยให้เกิดความปลอดภัย รวมถึงทำให้การจราจรคล่องขึ้นในสถานการณ์ปกติ”

จากคำจำกัดความดังกล่าวนี้ เห็นได้ว่าขีดจำกัดความเร็วที่กำหนดเอาไว้นั้น ไม่ได้แปลว่าเราจะเหยียบคันเร่งถึงระดับนั้นได้เสมอไป เพราะมีเรื่องของสภาพการจราจรและความปลอดภัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ยิ่งถ้าเปิดกฎหมายจราจร ที่เรียกว่า Sasic Speed Law ของรัฐแคลิฟอร์เนียดู จะเห็นคำอธิบายอย่างละเอียดว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดขับรถยนต์บนไฮเวย์ ด้วยความเร็วเกินกว่าความเหมาะสม (reasonable) ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศ, การมองเห็น, สภาพการจราจร, พื้นผิวและความกว้างของไฮเวย์ และไม่ใช้ความเร็วที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของบุคคลและทรัพย์สินด้วย”

โดยความเร็วสูงสุดของการขับรถบนไฮเวย์ในแคลิฟอร์เนีย ถูกกำหนดเอาไว้ที่ 65 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 104.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะลดลงเหลือแค่ 55 ไมล์ต่อชั่วโมง (88.5 ไมล์ต่อชั่วโมง) สำหรับไฮเวย์สองเลนที่รถวิ่งสวนกันโดยไม่มีเกาะกลางถนน (two-lane undivided highways) รวมถึงรถพ่วง-รถลากทั้งหลายก็ถูกจำกัดความเร็วสูงสุดแค่ 55 ไมล์เช่นกัน

สำหรับพวกเราในลอส แอนเจลิส ที่คุ้นกับคำว่า “ฟรีเวย์” มากกว่า “ไฮเวย์” นั้น เรียนว่าโดยหลักแล้วจะเหมือนกัน และใช้ขีดจำกัดความเร็วแบบเดียวกัน เพียงแต่จะเรียก “ฟรีเวย์” ก็ต่อเมื่อเส้นทางถูกแยกออกจากพื้นผิวจราจรอื่นๆ โดยสิ้นเชิง จะเป็นการยกลอยขึ้นหรือมีผนังกั้นก็แล้วแต่ และที่สำคัญคือจะต้องมีทางขึ้น-ลง หรือ ramp เชื่อมต่อกับถนนหรือพื้นผิวจราจรอื่นๆ ด้วย

ฟรีเวย์ ไม่ได้แปลว่าไฮเวย์ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้บริการ ดังที่หลายๆ คนเข้าใจ และบอกกล่าวกับคนไทยที่มาใหม่กันอย่างสนุกปากหรอกครับ....

นอกจากนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเรายังมีสิ่งที่เรียกว่า CVC (CA Vehicle Code) เป็นตัวกำหนดความเร็วรถยนต์ขณะวิ่งอยู่บนถนนหนทางปกติด้วย คือ

-15 ไมล์ต่อชั่วโมงในตรอก-ซอย (alleys), สี่แยกที่ไม่มีไฟสัญญาณหรือป้ายหยุดรถ (blind intersections) และบริเวณทางรถไฟที่ไม่มีสัญญาณเตือนหรือไม้ขวาง (blind railroad crossings)

-25 ไมล์ต่อชั่วโมง ในย่านที่อยู่อาศัย, ย่านธุรกิจ, โรงเรียนและสนามเด็กเล่นในช่วงที่มีเด็กอยู่ รวมถึงบริเวณบ้านพักคนชราด้วย

โดยขีดจำกัดความเร็วบนถนนทั้งสองข้อนี้ มีผลบังคับใช้และเอาผิดกับผู้ฝ่าฝืนได้เสมอ ไม่ว่าจะมีป้ายหรือไม่มีป้ายแสดงเอาไว้ข้างถนนก็ตาม...

จบจากเรื่องสปีดลิมิตของแคลิฟอร์เนียแล้ว ขออนุญาตต่อด้วยสปีดลิมิตใหม่ของประเทสไทยกันด้วย เผื่อใครจะกลับไปขับรถเมืองไทยในช่วงนี้ จะได้ไม่พลาด...

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง เรื่องเพิ่มขีดจำกัดความเร็วของเมืองไทยมีดังนี้

1.กำหนดให้ความเร็วขั้นสูงสำหรับการขับรถในทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ที่มีทางเดินรถที่ จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องเดินรถ มีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น (Barrier Median) และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน ให้ขับรถแต่ละประเภทในทางเดินรถโดยใช้ความเร็วไม่เกิน ดังนี้

1.1 รถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม รถบรรทุกคนโดยสารที่บรรทุกคนโดยสาร เกิน 15 คน ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

1.2 รถในขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่ เกิน 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำหนด

1.3 รถจักรยานยนต์ ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไป ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

1.4 รถโรงเรียน หรือรถรับส่งนักเรียน ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

1.5 รถบรรทุกคนโดยสาร เกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 1.6 รถยนต์อื่น ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

2. กำหนดความเร็วขั้นต่ำสำหรับการขับรถในช่องเดินรถช่องทางขวาสุดของทางเดินรถในทางหลวง ซึ่งจัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องทางขึ้นไป โดยให้รถยนต์อื่นนอกจากรถยนต์ตามข้อ 1.1, ข้อ 1.2, ข้อ 1.4 และข้อ 1.5 ขับในช่องทางเดินรถช่องขวาสุด โดยใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

3. กำหนดให้ในเขตทางที่มีป้ายหรือเครื่องหมายจราจรแสดงว่าเป็นเขตอันตราย หรือเขตให้ขับรถ ช้าๆ ให้ลดความเร็วลงและเพิ่มความระมัดระวังขึ้นตามสมควร

4. กำหนดให้ในกรณีที่มีเครื่องหมายจราจรกำหนดอัตราความเร็วขั้นสูงต่ำกว่าที่กำหนดในข้อ 1. ในทางเดินรถใด ไม่ว่าตลอดทางเดินรถหรือกำหนดในช่วงใดช่วงหนึ่งของทางเดินรถ ให้ผู้ขับขี่รถทุกประเภทขับไม่เกิน อัตราความเร็วขั้นสูงที่กำหนดไว้ในเครื่องหมายจราจรนั้น ตลอดทางเดินรถหรือในช่วงที่กำหนดดังกล่าว ยกเว้นกรณีไม่ สามารถปฏิบัติได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องปริมาณรถในทางเดินรถ หรือเหตุขัดข้องอื่นใดอันมีเหตุผลสมควรแก่กรณี

5. กำหนดให้เครื่องหมายจราจรตามข้อ 4. ต้องแสดงให้ผู้ขับขี่เห็นได้ชัดเจนก่อนถึงทางเดินรถ หรือ ช่วงที่กำหนดของทางเดินรถนั้น ในระยะเพียงพอที่ผู้ขับขี่จะสามารถลดความเร็วเพื่อปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรนั้นได้ และต้องแสดงเครื่องหมายจราจรดังกล่าวเป็นระยะตลอดจนสิ้นสุดทางเดินรถ หรือสิ้นสุดช่วงที่กำหนด โดยให้หน่วยงาน ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลทางเดินรถนั้นๆ ดำเนินการจัดทำเครื่องหมายจราจร และมีหน้าที่ควบคุมกำหนดความเร็วในเครื่องหมายจราจรประเภทที่สามารถปรับเปลี่ยน รูปภาพ ข้อความ ตัวหนังสือ ตัวเลข หรือสัญลักษณ์ได้

รู้ไว้ใช่ว่าครับ....