ซีเอ็นเอ็น รายงานข่าวเมื่อเย็นวันท่ี 16 มีนาคม ว่า ในวันดังกล่าว มีเหตุการณ์คนร้ายบุกเข้าไปยิงคนในร้านนวดของชาวเอเชียถึงสามแห่งในเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ทั้งสามเหตุการณ์มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่-อย่างไร
โดยเหตุการณ์แรกนั้น ข่าวบอกว่าเกิดขึ้นที่ร้านนวด ชื่อ ยัง’ส เอเชียน มาสสาจ ใกล้เมืองแอคเวิร์ธ ซึ่งอยู่ห่างจากแอตแลนต้า เมืองหลวงของจอร์เจียไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 ไมล์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ดูแลของสำนักงานเชอรีฟแห่ง เชอโรกี เคาน์ตี้ โดยข่าวบอกว่ามีผู้ถูกยิงในร้านนวดแห่งนี้ถึงห้าคน โดยสองคนเสียชีวิต ณ สถานที่เกิดเหตุ ส่วนอีกสามคนที่เหลือถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล โดยหนึ่งในสามเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ข่าวบอกว่าเจ้าหน้าที่เชอรีฟกำลังหาเบาะแสคนร้ายจากกล้องวิดีโอวงจรปิดของทางร้าน โดยขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเหตุถึงรูปพรรณสันฐานของคนร้าย หรือแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการสังหารหมู่ครั้งนี้ รวมถึงยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเหยื่อกระสุนทั้งห้าคน ว่าเป็นใครด้วย
ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองแอทแลนต้า ได้รับแจ้งว่ามีเหตุการปล้นด้วยอาวุธปืนที่ร้านนวด ชื่อ โกลด์ มาสสาจ สปา บนถนนพีดมอนท์ (Piedmont Rd.) และเมื่อไปถึงพบว่ามีผู้ถูกยิงเสียชีวิตสามคน
และในเวลาใกล้เคียงกัน ตำรวจเมืองแอทแลนต้า ได้รับแจ้งเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันที่ร้านนวด อโรม่า เธอราปี สปา ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับร้านโกลด์ มาสสาจ และเมื่อไปถึงพบว่ามีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 1 คน
เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองแอตแลนต้า ระบุว่าผู้เสียชีวิตทั้งสี่ราย เป็นผู้หญิง และระบุในเบื้องต้นว่าเป็นชาวเอเชียทั้งหมด โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าทั้งสี่รายเป็นพนักงานของร้านนวด หรือเป็นลูกค้า
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองแอตแลนต้า กำลังสอบสวนหาสาเหตุของการฆาตกรรมในร้านนวดของชาวเอเชียทั้งสองแห่ง โดยขณะนี้ยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุของการก่อเหตุของคนร้ายได้ แต่สามารถจับนาย Robert Aaron วัย 21 ปีผู้ต้องสงสัยที่ได้ลงมือที่ร้านนวดสาขาในเมืองวู้ดสต็อกได้แล้ว
เหตุการณ์สังหารหมู่ในร้านนวดของชาวเอเชียที่เกิดขึ้นในรัฐจอร์เจียครั้งนี้ ถือว่าเกิดขึ้นในช่วงที่กระแสเหยียดคนเอเชียกำลังเชี่ยวกราก เพราะเชื่อว่าชาวเอเชียคือสาเหตุของวิกฤตโควิด-19 ในอเมริกา ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งนี้ อาจจะมีสาเหตุมาจากความเกลียดชังคนเอเชีย
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ สยามทาวน์ยูเอส จะติดตามมานำเสนอต่อไป.
ชมคลิปข่าว https://www.youtube.com/watch?v=VyXQQ9RIE0w