แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : ผลการศึกษาของ ยูเอสซี เผยเด็กอเมริกันระหว่าง 37,000-43,000 คนต้องสูญเสียพ่อหรือแม่เพราะ โควิด-19 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขปกติประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์

เอ็มมิลี สมิธ-กรีนอเวย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ของยูเอสซี (the USC Dornsife College of Letters, Arts and Sciences) เปิดเผยผลศึกษาเรื่อง “เด็กกำพร้าเพราะโควิด-19” ในวารสารการแพทย์สำหรับเด็ก (JAMA Pediatrics) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบอกว่าวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้เด็กอเมริกันระหว่าง 37,000-43,000 คน ต้องสูญเสียพ่อหรือแม่ หรือสูญเสียทั้งคู่ โดยเด็กพร้าส่วนใหญ่ คือประมาณ 3 ใน 4 อยู่ในช่วงวัยรุ่น (adolescents) ขณะที่ 1 ใน 4 เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี

ผลการศึกษาที่ใช้ข้อมูลของผู้เสียชีวิตเพราะสาเหตุจาก โควิด-19 ทั่วประเทศ ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ถึงกุมภาพันธ์ 2021 พบด้วยว่า เด็กผิวดำ ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 14 เปอร์เซ็นต์ของประชากรวัยเด็กของอเมริกา ได้รับผลกระทบจากวิฤตโควิด-19 สูงสุด เพราะเป็นกลุ่มที่สูญเสียผู้ปกครองมากถึงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ แม้ว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 จะอยู่ในวัย 65 ปีขึ้นไป แต่จำนวนผู้เสียชีวิตที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวก็มีมหาศาล โดยผลการศึกษาพบว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตทุกๆ 13 คน จะมีเด็กกำพร้าเพิ่มขึ้น 1 คน

ร.ศ. เอ็มมิลี สมิธ-กรีนอเวย์ ระบุด้วยว่า ผลการศึกษาของเธอ ทำให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการลดอัตราการเสียชีวิตเพราะโควิด-19 เพราะผลการศึกษาที่ผ่านๆ มาแสดงให้เห็นว่า เด็กๆ ที่สูญเสียผู้ปกครองแบบกะทันหัน คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งจากอาการสะเทือนขวัญ (traumatic grief), อาการหดหู่-ซึมเศร้า, เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง รวมถึงเสียชีวิตทั้งแบบไม่ตั้งใจและฆ่าตัวตายด้วย.