ดูโลก ดูธรรม และดูใจ
โดย ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา
ความทรงจำสมัยเรียนบาลีวัดขันเงิน ตอนที่ 9 ทำวัตรเย็น


พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า คณะสงฆ์ที่พึงหวังความเจริญฝ่ายเดียวไม่มีความเสื่อมเลยจะต้องพร้อมเพรียงกันประชุมและพร้อมเพรียงกันเลิกประชุม คำสอนบทนี้ของพระพุทธเจ้า คือ เครื่องมือบริหารองค์กรที่สำคัญ องค์กรสงฆ์เป็นองค์กรประชาธิปไตย กล่าวคือ เวลาจะตัดสินใจเรื่องราวใดๆจะต้องอาศัยการประชุมปรึกษาหารือเพื่อแสวงหามติร่วมกันเพื่อจะได้ปฏิบัติกิจกรรมเหล่านั้นให้เป็นไปด้วยความเห็นพ้องต้องกัน อันเป็นที่มาแห่งความรักสามัคคี คือพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆให้เป็นไปด้วยความสำเร็จอย่างยิ่ง

วัดขันเงินมีวัตรปฏิบัติที่เป็นเหตุให้คณะสงฆ์สมัครสมานสามัคคี อันนับได้ว่าเป็นกิจกรรมหลักของวัดคือ

ทำวัตรเช้าร่วมกันในเวลา 05.00 น. ฉันภัตตาหารเพลที่โรงฉันร่วมกันเวลา 11.00 น. เข้าเรียนบาลีร่วมกันเวลา 13.00 -16.00 น. ทำวัตรเย็นร่วมกันเวลา 19.00 น. กิจกรรมเหล่านี้ คือ วิถีสังฆะแห่งสำนักเรียนบาลีที่มุ่งเน้นการฝึกฝนตนเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความเมตตากรุณาเพื่อสร้างสรรค์ความดีและมีไมตรีต่อกัน

แม้พระภิกษุสามเณรที่เรียนบาลีจะตรากตรำร่ำเรียนและท่องจำตำรามาทั้งวัน แต่ไม่มีใครละเลยกิจวัตรของพระภิกษุสามเณรเหล่านี้เลย ทุกรูปลงร่วมทำวัตรเย็นกันอย่างพร้อมเพรียง พ่อหลวงเจ้าคุณฯแม้ว่าอายุจะมากแล้ว แต่ท่านลงมาทำวัตรเช้าเย็นไม่เคยขาด เมื่อทำวัตรเย็นจบลงแล้ว ท่านจะหันหน้ามาทางพระภิกษุสามเณร เมื่อท่านนั่งเรียบร้อยแล้ว พระภิกษุสามเณรก็จะกราบทำความเคารพท่านในฐานะองค์ประธานสงฆ์ 3 ครั้ง จากนั้นท่านก็จะสอนธรรมะเบ็ดเตล็ด ข้อคิดทางธรรมะ ความเป็นภิกษุสามเณรที่ดี กิริยามารยาท ตามแนวทางเสขิยวัตร ซึ่งเป็นกิริยาของพระภิกษุสงฆ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสของประชาชนทั่วไป การยอมรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนที่สะท้อนมายังพระภิกษุสามเณรเป็นเรื่องที่พระภิกษุสามเณรต้องรับฟังแล้วใคร่ครวญ หากเป็นเรื่องที่ทำดีแล้ว เก็บไว้เพื่อความปีติปราโทย์อันเป็นอาหารใจชั้นเยี่ยม แต่ถ้าเป็นคำตำหนิ พึงสะดับแล้วนำมาใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่เพื่อเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงพฤติกรรมเสียใหม่ให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัยยิ่งขึ้น

บางทีการวิพากษ์วิจารณ์พระภิกษุสงฆ์ตามเนื้อหาที่เป็นจริงล้วนเป็นกระจกสะท้อนภาพคณะสงฆ์หรือพระภิกษุเป็นรายบุคคลได้อย่างดี พ่อหลวงเจ้าคุณฯเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดอนันทเมตยาราม ที่ประเทศสิงคโปร์ นับเป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศรุ่นบุกเบิก หรือ รุ่นปู่ธรรมทูตทีเดียว ท่านลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ เคยมาสนทนาธรรมกับท่านเป็นครั้งคราว จึงมีประสบการณ์และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล

พ่อหลวงเจ้าคุณฯเก่งภาษาอังกฤษในทุกทักษะ ไม่ว่าจะเป็นการเขียน ลายมืองามมาก อ่าน ท่านอ่านหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ทุกวัน ฟังและพูดมีทักษะสูงจึงสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี ท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งทูตอเมริกันท่านหนึ่ง ได้รับคำแนะนำให้มาหาท่านที่วัดอนันทเมตยาราม ท่านทูตเล่าว่า ที่บ้านพักของท่าน มีผีสิงอยู่ จะออกมาหลอกหลอนให้เห็นกันชัดๆเลย กลางวันบ้าง บางครั้งตอนกลางคืน ทำให้คนอยู่ในบ้านกลัวกันอกสั่นขวัญแขวน ในชีวิตท่านก็ไม่เคยเจอเพิ่งมาเจอที่นี่เป็นครั้งแรก ก็เชื่อแล้วว่า ชีวิตหลังตายต้องมีจริง 

สาเหตุที่ท่านมาหาพ่อหลวงฯในวันนี้ ไม่ได้มาคุยเรื่องชีวิตหลังตายหรือเรื่องกรรม แต่จะมาถามพ่อหลวงฯว่า ทำอย่างไร ผีบ้าที่หลอกหลอนอยู่บ่อยๆนั้นจะหายไปได้ พ่อหลวงไม่ตอบและไม่สัญญาว่าจะไล่ผีนั้นให้หายไปจากบ้าน หลังจากคุยกันนานพอสมควรท่านทูตพยายามหาบทสรุปว่า พ่อหลวงฯจะช่วยหรือเปล่า พ่อหลวงฯมีเมตตากับทุกคนท่านมิใช่หมอผีจะผลีผลามตอบเลยคง ท่านจึงเสนอท่านทูตว่า ยังไม่ต้องทำพิธีไล่ผีหรือกิจกรรมใดๆ เพียงแต่บอกท่านทูตว่า อยากจะไปดูสถานที่เสียก่อน ท่านทูตรีบตอบตกลง เพราะแต่ละวันที่ผ่านไป คือ ความน่าขนพองสยองเกล้ารออยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน

ท่านทูตจึงกราบนิมนต์พ่อหลวงว่า ถ้าท่านว่างนิมนต์ไปเยี่ยมบ้านพักวันนี้เลยได้ไหม พ่อหลวงฯจึงเมตตาเดินทางไปยังบ้านพักของท่าน เมื่อไปถึงภรรยาและคนงานหญิงในบ้านมาต้อนรับถวายน้ำดื่มพลางพ่อหลวงเห็นโต๊ะหมู่และพระพุทธรูปเล็กๆวางที่มุมบ้านไม่ค่อยจะสูงจากพื้นนัก พ่อหลวงเจ้าคุณฯถาม ทำไมท่านวางพระพุทธรูปไว้ตรงนั้น ท่านทูตเล่าว่า มีเพื่อนชาวจีนนำมามอบให้เป็นของขวัญวันเกิดแล้วเขามาจัดวางให้ตรงนั้น พ่อหลวงเดินไปดูแล้ว ถามว่า หากมองจากจุดนั้นขึ้นไปยังชั้นบนพระพุทธรูปอยู่ภายใต้สิ่งใดบ้าง เป็นห้องน้ำ ห้องนอน หรือว่า เป็นอะไร

ท่านทูตจึงกราบเรียนว่า จะตรงกับห้องนอน พ่อหลวงฯจึงตั้งคำถามว่า ถ้าจะขอย้ายพระพุทธรูปขึ้นไปชั้นบน แล้ววางไว้ในที่เหมาะสะดวกไหมท่านทูตตอบว่าด้วยความยินดี จึงนิมนต์พ่อหลวงฯขึ้นไปชั้นบน ตอนที่เดินขึ้นพ้นไปบันไดไปยืนชั้นบน ท่านทูตเล่าว่า เคยเจอคนเดินลงจากบันไดบ่อยๆ มีทั้งหญิงทั้งชาย เมื่อพ่อหลวงฯพบสถานที่เหมาะสมบนหลังตู้ของขวัญพอจะมีช่องว่างสะอาดเรียบร้อยอยู่ในระดับสูงกว่าของขวัญทุกชิ้น จึงให้วางบนหลังตู้นั้น

เมื่อจัดวางพระพุทธรูปเป็นที่เป็นทางแล้วจึงให้นำเก้าอี้มานั่งท่านบอกท่านทูตว่า วันนี้ยังไม่ได้ทำพิธีอะไร แต่ขอสวดพระสูตรสักหนึ่งสูตร ท่านเลือกสวดกรณียเมตตสูตร ที่กล่าวถึงการแผ่เมตตาไปให้มนุษย์ สัตว์และเทพยดาทั้งหลายทั่วทุกทิศ เมื่อท่านสวดเสร็จแล้ว ท่านอธิบายบทสวดให้ท่านทูตได้ฟัง เป็นการถือโอกาสแสดงธรรมตอนที่ผู้ฟังหวังพึ่ง ก่อนจะกลับวัดท่านบอกว่า มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนที่เคยเกิดบอกให้ท่านทราบทันที

เวลาผ่านไป 7 วันท่านทูตหยุดงานจึงไปกราบเรียนให้ทราบว่า บ้านสงบปกติเป็นอันดีไม่มีภูตผีมาปรากฏตัวให้เห็นเป็นอัศจรรย์ พ่อหลวงรับทราบแล้วอนุโมทนาที่ท่านทูตผ่านพ้นจากความกลัวไปได้ ต่อมาได้นิมนต์พ่อหลวงและพระสงฆ์จำนวน 5 รูปไปเจริญพระพุทธมนต์บ้านของท่านทูต นับว่า ท่านได้ใช้ความรู้ที่สะสมมาแก้ปัญหาได้อย่างนักปราชญ์

จากเรื่องราวนี้ ถ้าคนที่ไม่รู้จักพ่อหลวงฯดี อาจจะคิดว่า ท่านเป็นพระประเภท ยกหรือตั้งศาลพระภูมิ แต่ที่ท่านให้ย้ายพระพุทธรูปจากชั้นล่างไปยังชั้นบนนั้น ท่านเล่าว่า ที่เจดีย์ หรือ พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติและสังฆานุสสติ จะมีเทวดาพิทักษ์รักษาอยู่เสมอ ไมว่า สิ่งนั้นจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนมีความหมายเหมือนกัน

จากความรู้นี้ ท่านเลยนำมาใช้แบบตรรกะว่า เมื่อมีเทวดารักษาพระพุทธรูป หรือ เรียกว่า อุเทสิกเจดีย์อยู่ แต่ที่วางพระพุทธรูปไม่เหมาะสมน่าจะทำให้เทวดาส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้ทราบ คงไม่มีเจตนาจะทำให้กลัวแต่ประการใด แต่ก็ห้ามใครไม่ให้กลัวไม่ได้เหมือนกัน อยู่ดีๆก็เจออะไรก็ไม่รู้ เป็นแขกไม่ได้รับเชิญมาเดินเล่นขึ้นลงบันไดบ่อยๆ

เมื่อพ่อหลวงฯพิจารณาอย่างนี้แล้วจึงได้ตัดสินใจขอย้ายพระพุทธรูปขึ้นไว้บนบ้านอันเป็นที่สมควรสะอาดสงบ เมื่อย้ายแล้วเทวดาจะได้รักษาพระอุเทสิกเจดีย์ได้สะดวก จึงไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆอีกเลย

เมื่อท่านเล่าจบก็สรุปข้อคิดได้ว่า บางคราวบางคนไปไหว้พระบางวัดแล้วกลับมามีโชค อาจจะเป็นไปได้ว่า ผู้ที่ให้โชคให้ลาภนั้นมิใช่พระพุทธรุปหรือเจดีย์ แต่เป็นเทวดาที่รักษาพระพุทธรูปหรือเจดีย์นั้นเอง 

การทำวัตรสวดมนต์เย็นนอกจากจะเป็นเวลาแห่งการปฏิบัติสามัคคีธรรม ยังเป็นเวลาแห่งการศึกษาเรียนรู้เรื่องราวต่างๆจากพ่อหลวงฯผู้ซึ่งมีทั้งความรู้และประสบการณ์ผ่านโลกกว้างพบเห็นสิ่งต่างๆอย่างมากมาย ความรู้และคำสั่งสอนของครูอาจารย์ที่ถ่ายทอดในสมัยเยาว์วัยยังคงเป็นแสงสว่างนำทางชีวิตอย่างมีประโยชน์ในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อจริงๆ 

วันที่ 8 กันยายน 2564 เวลา 6.58 น.

วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า 

รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา




 




นำเสนอข่าวโดย : ทีมข่าว สยามทาวน์ยูเอส,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
12-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 50 สุดทางสายบาลี (0/2827) 
06-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 49 ฝึกฝนตนที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ (0/656) 
28-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 48 สอบได้แต่แม่เสีย (0/622) 
20-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 47 สอบเปรียญธรรม 7 ประโยคได้ (0/687) 
07-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 46 กราบหลวงพ่อปัญญานันทะ (0/676) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข