แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : นอกจากจะต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 และตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางแล้ว การเข้าประเทศของกลุ่มประเทศที่ยังมีการฉีดวัคซีนต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ต้องมี “เหตุผล” การเข้าประเทศที่ฟังขึ้นประกอบอีกด้วย
เมื่อวันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม 2021 ทำเนียบขาวได้เปิดเผยหลักปฏิบัติ (guidelines) ฉบับปรับปรุงล่าสุด สำหรับตรวจสอบผู้ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน นี้เป็นต้น โดยหลักปฏิบัติดังกล่าว ระบุชัดเจนว่าจะมีการตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือหลักฐานการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบอย่างเข้มงวดมากขึ้น
โดยนับจากวันที่ 8 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ชาวอเมริกัน หรือผู้มีสิทธิอาศัยระยะยาว (long-term residents) ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หากประสงค์จะเดินทางกลับเข้าประเทศ จะต้องแสดงหลักฐานการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบ โดยจะต้องรับการตรวจภายในหนึ่งวันก่อนการเดินทาง ส่วนชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว จะต้องแสดงหลักฐานการตรวจหาเชื้อที่เป็นลบเช่นกัน แต่สามารถเข้ารับการตรวจ 3 วันก่อนวันเดินทางได้
สำหรับชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศอเมริกา ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่าจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนฯ ครบถ้วนก่อนการเดินทางนั้น หลักปฏิบัติฉบับล่าสุดได้กำหนด “ข้อแม้” เพิ่มเติมสำหรับผู้เดินทางจากประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนฯ ของประชากรต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ด้วย กล่าวคือผู้เดินทางจะต้องแสดงเหตุผลของการเดินทางเข้าประเทศที่ “ฟังขึ้น” ประกอบด้วย
โดยการแสดงเหตุผลของการเดินทางเข้าประเทศดังกล่าวนั้น ยังรวมถึงชาวต่างชาติอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งในหลายๆ ประเทศยังไม่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ หรือผู้ที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้เพราะเหตุผลทางการแพทย์ หรือผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางแบบฉุกเฉิน ก็จะต้องมีเหตุผลของการเดินทางเข้าประเทศ ที่ “ฟังขึ้น” เช่นกัน
โดยหลักฐานการฉีดวัคซีนรวมถึงหลักฐานการตรวจหาเชื้อที่เป็นลบนั้น หลักปฏิบัติฉบับล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า จะต้องมีการตรวจก่อนขึ้นเครื่อง และให้เป็นหน้าที่ของสายการบินในการตรวจสอบ รวมถึงระบุชัดเจนว่า การตรวจสอบดังกล่าว จะต้องสามารถยืนยันได้ว่า หลักฐานการฉีดวัคซีนของผู้เดินทาง ถูกออกโดยองค์กรของรัฐ และเป็นไปตามข้อกำหนดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐฯ ด้วย
ส่วนชนิดของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยอมรับนั้น ข่าวระบุว่าจะต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แม้ว่าวัคซีนบางชนิดจะไม่เป็นที่ยอมรับในประเทศอเมริกา เช่นวัคซีนบางชนิดของรัสเซียและจีน ที่สหรัฐฯ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ไม่เพียงพอ เป็นต้น
โดยขณะนี้ องค์การอนามัยโลก ให้การรับรองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั้งหมด 7 ชนิด คือ
-Moderna (mRNA-1273) ผ่านการรับรองใช้ใน 76 ประเทศ
-Pfizer/BioNTech (BNT162b2) 103 ประเทศ
-Janssen หรือ Johnson & Johnson (Ad26.COV2.S), 75 ประเทศ
-Oxford/AstraZeneca (AZD1222) 124 ประเทศ
-Serum Institute of India (Covishield :Oxford/AstraZeneca formulation) 46 ประเทศ
-Sinopharm : Beijing (BBIBP-CorV :Vero Cells) 66 ประเทศ
-Sinovac (CoronaVac) 41 ประเทศ.
นอกจากนี้ สายการบินจะต้องทำการเก็บข้อมูลการติดต่อของผู้เดินทางเข้าประเทศอเมริกาทุกคน รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์และอีเมล์ ทั้งนี้เพื่อการติดตามตัวในกรณีที่ผู้เดินทางมีโอกาสไดัรับเชื้อระหว่างการเดินทางด้วย
โดยตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา หลักปฏิบัติที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ระบุเพียงว่าผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคน รวมถึงผู้ถือสัญชาติอเมริกัน จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนวันเดินทาง 3 วัน โดยไม่สนใจว่าบุคคลผู้นั้นจะเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ส่วนนักเดินทางจากประเทศที่มีอัตราการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง 33 ประเทศ ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศอเมริกาได้ แม้จะฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วก็ตาม