ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือซีดีซี เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายนว่า ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ในสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าระบบเฝ้าระวังไวรัสของสหรัฐฯ มีประสิทธิภาพสูง และได้ตรวจพบสายพันธุ์ใหม่ๆ ในประเทศได้อย่างรวดเร็ว
“เราเชื่อมั่นว่า โอไมครอนจะถูกตรวจพบได้อย่างรวดเร็ว หากเกิดขึ้นในสหรัฐฯ" ซีดีซีระบุในแถลงการณ์
ทั้งนี้ ไวรัสโอไมครอน หรือ B.1.1.529 ถูกตรวจพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ และได้สร้างความวิตก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในจังหวัดกัวเต็งของแอฟริกาใต้
วันเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่า นับจากวันที่ 29 พฤศจิกายน สหรัฐฯ จะกำหนดข้อจำกัดด้านการเดินทางทางอากาศกับกลุ่มประเทศในแอฟริกา คือแอฟริกาใต้, บอตสวานา, ซิมบับเว, นามิเบีย, เลโซโท, เอสวาตินี, โมซัมบิก และมาลาวี เพื่อเป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้าไม่ให้ไวรัส "โอไมครอน" เผยแพร่เข้ามาในสหรัฐฯ
ข่าวบอกว่าท่าทีดังกล่าว เป็นไปตามคำแนะนำของนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว หลังจากที่ประเทศอื่น ๆ รวมถึงอังกฤษ, แคนาดา และฝรั่งเศส ได้ประกาศข้อจำกัดการเดินทางที่คล้าย ๆ กันไปก่อนแล้ว
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศในวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายนว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน หรือ B.1.1.529 ที่พบในแอฟริกาใต้นั้น เป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตก เพราะอาจแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ
นอกจากนี้ WHO ยังระบุด้วยว่า มีหลักฐานชี้ชัดว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ จะทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ และมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นอันตรายในด้านระบาดวิทยาของไวรัสโควิด-19 ด้วย
"สายพันธุ์นี้มีการกลายพันธุ์จำนวนมาก ซึ่งบางส่วนนั้นน่าวิตก โดยหลักฐานเบื้องต้นชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการติดเชื้อซ้ำจากสายพันธุ์นี้ เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ที่น่าวิตกอื่น ๆ" WHO ระบุ
ทั้งนี้ โอไมครอนเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่ 5 ที่ WHO ประกาศให้เป็น สายพันธุ์ที่น่าวิตก.