โตโยต้าแถลงการปรับแผนการผลิตรถยนต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบอกว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึงเดือนกันยายน 2022 นี้ โรงงานในญี่ปุ่นจะลดการผลิตรถยนต์ให้เหลือเพียง 800,000 ยูนิตต่อเดือน (ประมาณ 250,000 ยูนิตสำหรับประเทศญี่ปุ่น และประมาณ 550,000 ยูนิตสำหรับตลาดต่างประเทศ) ถือว่าลดปริมาณการผลิตลงจากแผนเดิมประมาณ 50,000 ยูนิต ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากปัญหาขาดแคลน เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) และชิ้นส่วนรถยนต์ชนิดอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโควิด-19
โดยโตโยต้าระบุด้วยว่าจะทำการตรวจสอบชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจนต้องลดปริมาณการผลิตรถยนต์ลงไปอีก และว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้สามารถส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าให้มากที่สุดและเร็วที่สุดด้วย
แม้จะประสบปัญหาจนต้องลดกำลังผลิต แต่โตโยต้า ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ก็ยังคงผลิตรถยนต์มากที่สุดในโลกในเวลานี้
ทั้งนี้ เซมิคอนดักเตอร์ หรือไมโครชิป ที่กำลังมีปัญหาขาดแคลนอย่างรุนแรงในขณะนี้ ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องใช้ไฟฟ้า,อิเล็กโทรนิกส์ แทบทุกอย่าง ตั้งแต่แล็ปท็อปจนถึงไมโครเวฟ โดยชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตสินค้าในอเมริกาเกือบทั้งหมด นำเข้ามาจากต่างประเทศ.