วาไรตี รายงานข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึง “ค่าตัว” ของนักแสดงระดับหัวแถวของอเมริกา ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจอีกรอบ หลังจากที่วิกฤตโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไป

ข่าวบอกว่าภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick ซึ่งยังคงทำเงินอยู่ แม้จะเข้าฉายตั้งแต่สุดสัปดาห์วันรำลึกทหารผ่านศึกก็ตาม โดยเรื่องนี้ทำเงินทั่วโลกแล้วไม่ต่ำกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ดาราและผู้สร้าง อย่าง ทอม ครูซ มีส่วนแบ่งไม่ตำ่กว่า 100 ล้านดอลลาร์ ทั้งจากค่าตัว และส่วนแบ่งรายได้จากช่องทางอื่น เช่นรายได้จากการเช่าดูออนไลน์ และสตรีมมิ่ง

นอกจากนี้ ทอม ครูซ ยังจะได้รับค่าตัวอีก 12 ล้านดอลลาร์ และ 14 ล้านดอลลาร์ จากภาพยนตร์ Mission: Impossible ที่มีคิวสร้างอีกสองตอน

วาไรตี้บอกว่า ทอม ครูซ เป็นดาราระดับหัวแถวของฮอลลีวูด ที่ยินดีรับค่าตัวในระดับที่เหมาะสม แต่ขอมีส่วนแบ่งจากรายได้ของภาพยนตร์แทน เพื่อให้ทุนสร้างภาพยนตร์ไม่สูงจนเกินไป รวมถึงสามารถนำทุนสร้างไปใช้ในส่วนของงานโปรดักชั่นให้ดีขึ้น

แต่ระบบเรียกร้องค่าตัวแบบ “เวอร์ๆ” ของบรรดาดาราทำเงินของฮอลลีวูด ซึ่งมีมาตั้งแต่ยุค 90s ก็ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสของภาพยนตร์ฮอลลีวูด เริ่มเปลี่ยนทิศไปยังระบบสตรีมมิ่งมากขึ้นเช่นนี้

วาไรตี้บอกว่า ค่ายแอปเปิล ยินดีจ่ายค่าตัว 30 ล้านดอลลาร์ให้กับ ลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ เพื่อร่วมเป็นดารานำในหนังดราม่าย้อนยุคของผู้กำกับ มาร์ติน สเกอร์เซซี่ เรื่อง Killers of the Flower Moon และอีก 30 ล้านให้กับ แบรด พิทท์ เพื่อรับบทนักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน ในหนังดราม่าที่ยังไม่มีชื่อ และอีก 35 ล้านให้กับวิลล์ สมิธ เพื่อรับบทหนังตื่นเต้นย้อนยุคเกี่ยวกับทาส เรื่อง Emancipation

ขณะที่ เน็ทฟลิกซ์ จะจ่ายค่าตัว 20 ล้านดอลลาร์ให้กับ คริส แฮมส์เวิร์ธ และ 10 ล้านให้กับ มิลลี่ บ๊อบบี บราวน์ เพื่อกลับมารับบทเดิมอีกครั้งในภาคสองของ Extraction และ Enola Holmes

หรือหนังของสตูดิโอ ที่ไม่มีค่ายสตรีมมิ่งของตัวเอง ก็ยินดีลงทุนกับค่าตัวนักแสดงชนิดไม่อั้น ทำให้ ดเวน “เดอะร็อค” จอห์นสัน เรียกค่าตัวได้ถึง 22.5 ล้านดอลลาร์สำหรับบทนำในหนังของค่ายดีซี เรื่อง Black Adam แถมยังได้ค่าแรงเสริมอีก “หลายล้าน” สำหรับค่าแรงในตำแหน่งโปรดิวเซอร์ และค่าใช้จ่ายในการโปรโมทหนังผ่านโซเชียลมีเดียของเขา

นอกจากนี้ ยังมีดาราอีกหลายคนที่เรียกค่าตัวได้สูง (มาก) จากการกลับมาเล่นหนังภาคต่อ โดยเฉพาะ เจสัน โมมัว ที่รับ 15 ล้านดอลลาร์จาก Aquaman 2 โดยมีข้อแม้ว่าเขาจะได้รับอีกเท่าตัว หากหนังทำเงินผ่านหลัก “พันล้าน” ดอลลาร์

ฮัวคีน ฟีนิกซ์ ที่รับค่าตัวเพียง 4.5 ล้านดอลลาร์จาก Joker ของค่ายวอร์เนอร์ ซึ่งทำเงินถล่มทลายมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และเป็นบทที่ส่งเขาถึงเวทีออสก้าร์เมื่อปี 2019 นั้น ข่าวบอกว่าเขากำลังจะได้รับค่าตัว 20 ล้านดอลลาร์ กับการกลับมารับบทเดิมอีกครั้งในหนังภาคต่อ ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมสร้าง.