เงินช่วยเหลือชาวแคลิฟอร์เนียในสภาวะน้ำมันแพง และสภาวะเงินเฟ้อครั้งประวัติศาสตร์ ยังคงเป็นที่สนใจของประชาชน เพราะมีการปรับเปลี่ยนจากแผนดั้งเดิมของผู้ว่าการรัฐฯ เกวิน นิวซัม ที่จะช่วยเหลือเฉพาะผู้มีรถยนต์ ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว (โดยกองทะเบียนยานยนต์ หรือ ดีเอ็มวี ของรัฐแคลิฟอร์เนีย) มาเป็นการช่วยเหลือผู้เสียภาษีทุกคน (ไม่ว่าจะมีรถยนต์หรือไม่ก็ตาม) ซึ่งจะต้องดำเนินการโดยคณะกรรมาธิการภาษีของรัฐ (the California Franchise Tax Board) เป็นเหตุให้การดำเนินการต้องยืดระยะออกไปจนถึงเดือนตุลาคม หรือหลังจาก ไออาร์เอส และคณะกรรมาธิการภาษีฯ เสร็จสิ้นภารกิจในฤดูเสียภาษีปีนี้ไปแล้ว

ที่ต้องรู้คือทางคณะกรรมาธิการภาษีฯ ใช้หลักฐานการเสียภาษีของเราในปี 2020 เป็นเกณฑ์พิจารณา ดังนั้นใครที่ไม่ได้ยื่นเสียภาษีในปีนั้น ก็น่าที่จะไม่ได้รับเงินก้อนนี้

เงินช่วยเหลือ ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “เงินคืนภาษีสำหรับชนชั้นกลาง” หรือ มิดเดิลคลาส แท็กซ์ รีฟันด์ จะถูกส่งให้ประชาชนสองลักษณะ หนึ่งคือฝากตรงเข้าบัญชีธนาคารของผู้รับ และสองคือส่งมาให้ที่บ้านในรูปของบัตรเดบิท

ใครจะได้รับแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการขอรับเงินคืนภาษีของเราในปี 2020 กล่าวคือขอรับเงินคืนภาษีแบบฝากตรงเข้าบัญชี (direct deposit) เราก็จะได้รับเงินช่วยเหลือก้อนล่าสุดแบบนี้ แต่หากขอรับเป็นเช็คส่งมาให้ที่บ้าน เราก็จะได้รับเงินในรูปของบัตรเดบิท ส่งมาที่บ้านเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้ผู้รับเงิน บางรายได้รับเป็นบัตรเดบิท แทนการฝากเข้าบัญชีธนาคาร เช่น

-ใช้แบบฟอร์มกระดาษในการยื่นเสียภาษี (filed a paper return)
-ผู้เสียภาษีที่มีเงินภาษีค้างจ่าย หรือ had a balance due ในปี 2020
-ผู้ที่ได้รับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 (Golden State Stimulus payment) เป็นเช็ค
-ผู้เสียภาษีที่ใช้เงินคืนภาษีเป็นค่าทำแท็กซ์ ฯลฯ

ในกรณีที่คุณย้ายที่อยู่หลังจากยื่นเสียภาษีในปี 2020 คุณสามารถแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมาธิการภาษีของรัฐ  หรือแจ้งทางโทรศัพท์ หรืออีเมล์ ก็ได้ (ตามรายละเอียดที่ระบุเอาไว้ที่เว็บไซต์นี้)  โดยสำนักงานคณะกรรมาธิการภาษีฯ ระบุว่าในกรณีย้ายที่อยู่ใหม่นี้ ผู้รับเงินช่วยเหลือฯ อาจจะต้องรอนานกว่าคนอื่นๆ เล็กน้อย

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนีย บอกด้วยว่าจะเริ่มส่งเงิน “คืนภาษีสำหรับชนชั้นกลาง” ตั้งแต่เดือนตุลาคม แต่ด้วยปริมาณของผู้รับ ทำให้กระบวนการนี้อาจทอดยาวไปจนถึงเดือนมกราคม 2023 โดยจำนวนเงินจะมีตั้งแต่ 200 ดอลลาร์ จนถึง 1,050 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับรายได้, สถานภาพ (โสดหรือแต่งงาน) และจำนวนผู้อยู่ในความอุปการะ ซึ่งผู้รับเงินแต่ละรายจะมีไม่เหมือนกัน

โดยสำนักงานคณะกรรมาธิการภาษีของรัฐฯ ได้จัดทำเว็บไซต์สำหรับคำนวนเงินช่วยเหลือฯ ที่เราจะได้รับเอาไว้ที่นี่ ...