องค์กรเอ็นจีโอชื่อ ครอสทาวน์ แอท ยูเอสซี (Crosstown at USC) สังกัดสถาบันการสื่อสารและสื่อมวลชนแอนเนนเบิร์ค แห่งมหาวิทยาลัยยูเอสซี เปิดเผยข้อมูลเมื่อต้นเดือนกันยายน 2022 ว่า ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2022 นี้ มีการแจ้งความในคดีที่เข้าข่ายเหยียดผิว (hate crime) กับสำนักงานตำรวจเมืองลอส แอนเจลิส มากถึง 349 คดี ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 16.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และถือว่าเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2020

ครอสทาวน์ วิเคราะห์ว่าหากสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีคดีเหยียดผิวสูงขึ้นทั่วประเทศนั้น จะทำให้ตัวเลขคดีเหยียดผิวของปี 2022 สูงกว่า 700 คดี ซึ่งหากเป็นจริงก็จะลบสถิติเดิม 596 คดีของปี 2021 ไปแบบไม่เห็นฝุ่น

โดยกลุ่มประชากรที่ตกเป็นเหยื่อในคดีเหยียดผิวมากที่สุดในแอลเอ คือชุมชนผิวดำ (91 คดี) ตามมาด้วยชุมชนฮิสแปนิก/ลาติโน่ (43 คดี) และชุมชนยิว (39 คดี)

ข้อมูลขององค์กรครอสทาวน์ บอกด้วยว่าเดือนที่เกิดคดีเหยียดผิวมากสุดของปีนี้ คือพฤษภาคม (78 คดี) และมิถุนายน (71 คดี) ซึ่งถือว่าสูงผิดปกติ เมื่อเทียบกับตัวเลขเฉลี่ยของปี 2019 (ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19) ที่คดีเหยียดผิวจะเกิดขึ้นระหว่างเดือนละ 20-40 คดีเท่านั้น

โดยคดีเหยียดผิวนั้น สำนักงานตำรวจแอลเอ ให้คำจำกัดความว่าเป็นเหตุร้ายที่เหยื่อถูกกระทำเพราะมีเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา เพศสภาพ หรือความทุพพลภาพแบบต่างๆ

ครอสทาวน์ อ้างข้อมูลของสำนักงานสถิติยุติธรรมแห่งชาติ (the US Bureau of Justice Statistics) ด้วยว่า มีการแจ้งความในคดีเหยียดผิวน้อยกว่าครึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะผู้เสียหายส่วนใหญ่ ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับตำรวจ จะเป็นเพราะสถานภาพการเข้าเมือง หรือเพราะภาพพจน์ของตำรวจก็ตาม.