เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2022 นิวยอร์กโพสต์ รายงานผลการวิจัยของสถาบัน the American College of Cardiology ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไร ทำงานด้านวิชาการเกี่ยวกับโรคหัวใจ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ที่พบว่าความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจก่อนวัยอันควร (premature coronary artery disease หรือ PCAD) จากการบริโภคข้าวขาวเป็นประจำนั้น มีสัดส่วนเท่าๆ กับการบริโภค “น้ำตาลและน้ำมันที่ไม่เป็นผลดีกับสุขภาพ” ที่พบมากในขนมหวานทั่วไป

ผลการวิจัยระบุว่าอันตรายของข้าวขาวมาจากกระบวนการสีและขัดข้าว (refined grain) ซึ่งจะทำให้ข้าวสารน่ารับประทานและมีอายุนานขึ้น แต่ก็สูญเสียสารอาหารหลักๆ ที่เป็นประโยชน์ไปทั้งหมด นอกจากนี้ ข้าวขาว ที่ผ่านการขัดสีจนไม่มีเส้นใย (fiber) แล้ว จะถูกร่างกายย่อยสลายเป็นน้ำตาลในเวลาอันรวดเร็ว หากปล่อยปละละเลยก็จะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด เป็นอันตรายต่อเส้นเลือดและระบบประสาทที่ควบคุมหัวใจ และทำให้เกิดการอุดตันผนังเส้นเลือดด้วย

ขณะเดียวกัน ผลการวิจัยพบว่าการบริโภค บราวน์ไรซ์ หรือข้าวกล้อง ซึ่งเป็นธัญพืช whole grains หรือไม่ผ่านการขัดสี มีคุณค่าทางอาหารต่างๆ ครบถ้วน สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิด PCAD ได้

ข่าวบอกว่าการวิจัยฉบับนี้ มาจากการเก็บข้อมูลกับกลุ่มอาสาสมัคร 2,500 คน ทั้งที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและผู้มีสุขภาพสมบูรณ์ เกี่ยวกับอาหารที่บริโภคเป็นประจำ เพื่อหาข้อสรุปถึงความเกี่ยวข้องของสุขภาพ และความถี่ของการบริโภคข้าวขาวและข้าวกล้อง

“การบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงข้าวขาวในปริมาณมากๆ สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นอันตรายกับร่างกายของเราได้คล้ายๆ กับการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและน้ำมันชนิดที่ไม่ดีต่อสุขภาพของเราเช่นกัน” ผลวิจัยระบุ

สาเหตุที่ทำให้ข้าวขาวได้รับความนิยมมากกว่าข้าวกล้องนั้น ผลการวิจัยชี้ว่ามีปัจจัยหลายอย่าง เช่นสภาพเศรษฐกิจ, รายได้, งาน, การศึกษา, วัฒนธรรม, อายุ ฯลฯ และว่าการบริโภคข้าวขาว ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง จึงมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชากรโลก ดังนั้นการให้ความรู้กับประชาชน รวมถึงการหาวิธีกระตุ้นให้ประชาชนหันมาบริโภคธัญพืชแบบไม่ขัดสี (whole grains) มากขึ้น จึงถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วน.