เอพีรายงานเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ว่า OpenAI กำลังเผชิญคดีความ 7 คดีในศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย จากข้อกล่าวหาว่า ChatGPT ทำให้ผู้ใช้ฆ่าตัวตาย และเกิดอาการหลอนรุนแรง แม้ไม่เคยมีปัญหาสุขภาพจิตมาก่อน

คดีซึ่งยื่นฟ้องโดยศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อจากโซเชียลมีเดีย (Social Media Victims Law Center และ Tech Justice Law Project) ในนามของผู้เสียหาย 7 คน (ผู้ใหญ่ 6 คน วัยรุ่น 1 คน) จากข้อหาหลากหลาย ทั้งการฆาตกรรมโดยไม่ตั้งใจ การช่วยเหลือการฆ่าตัวตาย และความประมาทเลินเล่อ 

โดยคำฟ้องเหล่านี้ระบุว่า OpenAI ปล่อยเอไอโมเดล GPT-4o ออกสู่ตลาด ทั้งที่รู้ว่ายังไม่พร้อม 

“แม้จะมีคำเตือนภายในที่ระบุว่าโมเดลนี้เป็นอันตราย เพราะมีพฤติกรรมประจบสอพลอเกินเหตุ และสามารถชักจูงทางจิตใจได้ แต่ก็ยังถูกปล่อยออกมา ทำให้เหยื่อสี่รายเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย” คำฟ้องระบุ

หนึ่งในเหยื่อคือ อามอรี เลซีย์ วัย 17 ปีจากซานฟรานซิสโก คำฟ้องระบุว่าเริ่มใช้ ChatGPT เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับพัฒนาเป็นภาวะเสพติด ซึมเศร้า และสุดท้ายได้รับคำแนะนำวิธีผูกคอตาย

“การเสียชีวิตของอามอรี ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุหรือความบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถคาดหมายได้ จากการที่ OpenAI” คำฟ้องระบุ

อีกคดีหนึ่ง เหยื่อคือ อลัน บรูคส์ ชายวัย 48 ปีจากเมืองออนทารีโอ ประเทศแคนาดา ซึ่งใช้ ChatGPT ช่วยเหลือเรื่องราวต่างๆ มานานกว่าสองปี แต่อยู่ๆ พฤติกรรมของบรูคส์ก็เปลี่ยนไป เพราะถูก ชักจูง หลอกล่อ ทำให้เขาเกิดอาการหลงเชื่อในสิ่งผิดจริง 

“จนที่สุด บรูคส์ ซึ่งไม่เคยมีปัญหาด้านสุขภาพจิตมาก่อน ถูกดึงเข้าสู่ภาวะวิกฤติทางจิตใจ ซึ่งนำไปสู่ความเสียหายอย่างรุนแรงทั้งด้านการเงิน ชื่อเสียง และสภาพอารมณ์” คำฟ้องระบุ

คำฟ้องระบุด้วยว่า ChatGPT ถูกออกแบบระบบให้ผูกพันทางอารมณ์กับผู้ใช้ เพื่อเพิ่มการใช้งานและส่วนแบ่งตลาด แต่การปล่อยออกมาโดยขาดระบบป้องกันความปลอดภัยรัดกุม ถือเป็นการ “แลก” ความปลอดภัยด้วยผลประโยชน์ทางธุรกิจ

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคม พ่อแม่ของ อดัม เรน วัย 16 ปี จากแคลิฟอร์เนีย ก็ยื่นฟ้อง OpenAI โดยกล่าวหาว่า ChatGPT ให้คำแนะนำในการเตรียมพร้อมสำหรับจบชีวิตตนเองเช่นกัน.
…………………………