พาสต้าอิตาเลี่ยน 13 แบรนด์อาจ “หายวับ” เพราะภาษีทรัมป์
แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : พาสต้า 13 แบรนด์ดังจากอิตาลี่ อาจขาดตลาด หรือ “แพงระยับ” หลังรัฐบาลทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าใหม่ 107 เปอร์เซ็นต์ มีผลต้นปีหน้า
กระทรวงพาณิชย์แถลงถึงข้อเสนอจัดเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาด (antidumping duty) 92% กับผู้ผลิตพาสต้าของอิตาลี่ หลายราย รวมถึง Barilla, La Molisana และ Pastificio Lucio Garofalo หลังสืบทราบว่ามีการขายสินค้าต่ำกว่าราคาตลาดในสหรัฐฯ
ภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดดังกล่าว เมื่อรวมกับภาษีนำเข้าพื้นฐาน 15% สำหรับสินค้าจากสหภาพยุโรป ส่งผลให้อัตราภาษีรวมต่อพาสต้าที่ผลิตในอิตาลี จะสูงถึง 107% ถือว่าเป็นการจัดเก็บภาษีสินค้าที่สูงที่สุดนับจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้นโยบายภาษีตอบโต้กับประเทศคู่ค้าทั่วโลกเป็นต้นมา
ฟิล เลมเพิร์ต นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมอาหารของเว็บไซต์ SupermarketGuru แสดงความเห็นว่าภาษีดังกล่าว จะส่งผลกระทบกับผู้บริโภคในสหรัฐฯ รุนแรง เพราะผู้ผลิตพาสต้าอิตาเลียนบางรายอาจหยุดส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯ ไปเลย ขณะที่บางรายอาจจำเป็นต้องขึ้นราคา 100-120%
“การผลิตภายในประเทศไม่เพียงพอจะเติมเต็มชั้นวางพาสต้าในร้านได้” เลมเพิร์ตกล่าว “คุณจะเดินเข้าไปในโซนพาสต้าแล้วเห็นว่าชั้นวางโล่งไปครึ่งหนึ่ง”
คุช เดไซ โฆษกทำเนียบขาว แย้งว่า “พาสต้าอิตาเลียน จะไม่หายไปไหน” และว่าภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดนั้น เป็นเพียง “ข้อเสนอ” ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ผู้ผลิตพาสต้าของอิตาลี่ เร่งแก้ไขปัญหาเท่านั้น
กระนั้นก็ตาม วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ว่าบริษัทพาสต้าของอิตาเลียนหลายแห่ง เตรียมถอนสินค้าของตนออกจากตลาดสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้
โดยพาสต้า 13 แบรนด์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษี 107% คือ
-Agritalia
-Aldino
-Antiche Tradizioni Di Gragnano
-Barilla (บริษัทพาสต้าอิตาเลียนรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอเมริกา)
-Gruppo Milo
-La Molisana
-Pastificio Artigiano Cav. Giuseppe Cocco
-Pastificio Chiavenna
-Pastificio Liguori
-Pastificio Lucio Garofalo
-Pastificio Sgambaro
-Pastificio Tamma
-Rummo
ทั้งนี้ อเมริกาได้นำเข้าพาสต้าอิตาเลี่ยนในปี 2024 คิดเป็นมูลค่ารวม 684 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ Observatory of Economic Complexity.
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส