หนึ่งใน คลิปวิดีโอที่เป็นไวรัล ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือคลิปเหตุการณ์ในสนามบินชิคาโก โอแฮร์ ในเมืองชิคาโก้ ที่เห็นแถวเก้าอี้รถเข็นของผู้โดยสาร แอร์อินเดีย ยาวเหยียด โดยผู้โดยสารบนรถเข็นส่วนใหญ่เป็นคนที่ร่างกายปกติ และไม่ใช่ผู้สูงอายุ 

คลิปดังกล่าว ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากถึงความเหมาะสม รวมถึงผลกระทบกับผู้โดยสารที่จำเป็นต้องใช้เก้าอี้รถเข็นจริงๆ ด้วย

โพสต์ดังกล่าวระบุว่าผู้โดยสารเหล่านี้เรียกใช้บริการรถเข็นเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ของผู้สูงอายุและคนพิการ เช่นได้ขึ้นเครื่องก่อน, ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเร็วขึ้น และมีเจ้าหน้ารอรับและพาไปส่งถึงจุดหมาย ฯลฯ

ต่อมา สายการบิน แอร์ อินเดีย ได้แถลงถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันนี้ ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้โดยสารที่เดินทางจากอินเดียมายังสหรัฐฯ เรียกใช้บริการรถเข็น โดยบางส่วนไม่มีความจำเป็น ซึ่งทางสายการบินฯ ยอมรับว่าอาจมีผลให้การช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเก้าอี้รถเข็นจริงๆ เป็นไปอย่างล่าช้า

“การเพิ่มขึ้นการเรียกใช้บริการรถเข็นโดยคนที่ร่างกายแข็งแรง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกระจายกำลังมากขึ้น ส่งผลให้การทำงานในสนามบินช้าลง และกระทบคุณภาพการบริการสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถเข็นจริงๆ” สายการบิน แอร์อินเดีย ระบุ และว่า “แต่ละเดือนนั้น แต่ละสายการบินฯ ได้รับคำขอใช้รถเข็นมากกว่า 100,000 รายการ” 

“สายการบินทั่วโลก รวมถึงแอร์อินเดีย มักแนะนำให้ผู้โดยสารจองบริการรถเข็นล่วงหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับบริการ แต่เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงยากที่จะคัดแยกว่าผู้โดยสารคนใดมีความจำเป็นจริง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและสร้างความหงุดหงิดแก่ผู้ที่จำเป็นต้องใช้บริการจริงๆ เป็นอย่างมาก”

เรื่องนี้ คิรอน มาซูมดาร์-ชอว์ ประธานบริษัทไบโอคอน บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ (biopharmaceutical company) รายใหญ่ของอินเดีย เสนอให้สายการบินเก็บค่าบริการใช้รถเข็น 5,000 รูปี (55-56 ดอลลาร์) เพื่อป้องกันการใช้สิทธิ์ผิดประเภท ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ทำได้ตามกฎของสำนักงานการบินพลเรือนอินเดีย (DGCA) ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวก่อให้เกิดการโต้เถียงดุเดือด เพราะกระทบแรงกับผู้โดยสารที่จำเป็นต้องใช้รถเข็นจริงๆ