โดย : ทีมข่าวสยามทาวน์ยูเอส

หนึ่งคือแสงสีเมืองใหญ่ เช่นนิวยอร์ก, แอลเอ, ลาสเวกัส, สองคือธรรมชาติอันงดงามของวนอุทยานแห่งชาติต่างๆ เช่นแกรนด์แคนย่อน, เยลโล่สโตน, โยเซมิตี ฯลฯ และสามคือมาชมความบันเทิง เช่นสวนสนุก ธีมปาร์คและคาสิโนต่างๆ

ความเปลี่ยนแปลงในปีหน้านั้น นอกจากนักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมเงินให้มากขึ้นแล้ว ใครที่ตั้งใจมาชมธรรมชาติในวนอุทยานแห่งชาติ ยังควรรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งทีมข่าวสยามทาวน์ฯ ได้ “มัดรวม” มานำเสนอไว้ตรงนี้

เรื่องเริ่มต้นที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มองว่ามีชาวต่างชาติใช้บริการวนอุทยานแห่งชาติมากเกินไป ทำให้ชาวอเมริกันไม่สามารถจองที่พักหรือลานแคมปิ้งได้ เลยส่งซิก “อเมริกัน เฟิร์ส” มายังกระทรวงมหาดไทย (Interior Department) ซึ่งดูแลอุทยานแห่งชาติอยู่ ให้บริหารจัดการทรัพยากรและความต้องการของผู้เข้าชมให้สมดุลมากขึ้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับการเข้าเที่ยวชมวนอุทยานแห่งชาติในปี 2026 ออกมาแล้ว บอกชัดเจนเลยว่าจะทำให้ “ชาวอเมริกันเข้าใช้บริการวนอุทยานแห่งชาติง่ายขึ้น สะดวกขึ้นและย่อมเยาว์ขึ้น”

หลักๆ แล้วความเปลี่ยนแปลงตามประกาศของมหาดไทย มีสามข้อ คือ

1 บัตรเข้าชมอุทยานแบบดิจิตอล 

ตั้งแต่ 1 มกราคม 2026 เป็นต้นไป บัตรเข้าชมอุทยานทุกประเภท ทั้งบัตรวันเดียว บัตรปี บัตรสำหรับผู้สูงอายุ, ทหาร, นักเรียน, คนพิการ สามารถซื้อและเก็บในรูปแบบดิจิตอลผ่านเว็บไซต์ Recreation.gov 

บัตรดิจิตอลเหล่านี้ ถูกออกแบบในธีมฉลองครบรอบ 250 ปีของอเมริกา โดยบัตรส่วนใหญ่จะเป็นรูปธรรมชาติ สัตว์ป่า หรือสัญลักษณ์ความเป็นอเมริกันแบบต่างๆ ยกเว้นบัตรปี หรือ Annual pass ที่มหาดไทยเอารูปทรัมป์มาเคียงข้างกับ จอร์จ วอชิงตัน นัยว่าคนหนึ่งเป็นผู้ก่อตั้งประเทศ อีกคนเป็นผู้ทำให้ประเทศ “ยิ่งใหญ่” อีกรอบ (เฮ้อ!)

ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างคือผู้ถือบัตร America the Beautiful (บัตรสำหรับคนพิการ) ที่ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปเที่ยว จะได้สิทธิ์เข้าได้สองคัน (ต่อบัตรหนึ่งใบ) ไม่ว่าจะมีคนซ้อนท้ายหรือไม่ก็ตาม

มหาดไทยฯ บอกว่าการเปลี่ยนมาใช้บัตรดิจิตอล ทำให้การเข้าชมอุทยานรวดเร็วและราบรื่นขึ้น

แต่ที่ไม่บอกก็คือว่าการสร้างบัญชีเพื่อซื้อบัตรบนเว็บไซต์นั้น ผู้ซื้อจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวละเอียดยิบ รวมถึงอัพโหลดหลักฐานยืนยันการเป็นพลเมืองอเมริกัน หรือมีถิ่นฐานถาวรด้วย ทั้งนี้เพื่อ “แยกแยะ” ระหว่างชาวอเมริกันกับนักท่องเที่ยวต่างชาติออกจากกัน 

2. ปรับราคาแพงขึ้นสำหรับชาวต่างชาติ

บัตรปี ที่เรียกว่า Annual America the Beautiful นั้น จะคงราคาเอาไว้ 80 ดอลลาร์ สำหรับชาวอเมริกัน แต่ผู้เข้าชมจากต่างประเทศ ต้องจ่ายแพงขึ้นกว่าสามเท่า คือ 250 ดอลลาร์ 

ส่วนการเข้าชมแบบวันเดียว หรือ day pass ซึ่งราคาบัตรผ่านประตูจะแตกต่างกันไปนั้น นอกจากจ่ายค่าบัตรตามที่กำหนดแล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติยังต้องเสียค่าธรรมเนียมพิเศษ (surcharge) ที่สูงถึง 100 ดอลลาร์สำหรับวนอุทยานระดับท็อปของประเทศ 11 แห่ง คือ

-Acadia (Maine)
-Bryce Canyon (Utah)
-Everglades (Florida)
-Glacier (Montana)
-Grand Canyon (Arizona)
-Grand Teton (Wyoming)
-Rocky Mountain (Colorado)
-Sequoia & Kings Canyon (California)
-Yellowstone (Wyoming / Montana / Idaho)
-Yosemite (California)
-Zion (Utah)

ยกตัวอย่างเช่นการเข้าชม Grand Canyon (Arizona) หรือ Yellowstone (Wyoming / Montana / Idaho) ที่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะต้องเสียค่าผ่านประตู 35 ดอลลาร์ (ต่อรถยนต์หนึ่งคัน) บวกกับค่าธรรมเนียมพิเศษคนละ 100 ดอลลาร์

หากในรถมีครอบครัว 4 คน ยอดรวมที่คุณต้องจ่ายคือ 435 ดอลลาร์ จากเดิมที่เคยจ่ายแค่ 35 ดอลลาร์เท่านั้น!!

แถมข้อมูลของมหาดไทยยังบอกด้วยว่าเจ้าหน้าที่ของวนอุทยานจะตรวจสอบเอกสาร หรือไอดีของทุกคน เพื่อแยกแยะว่าใครคืออเมริกันและใครคือนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกด้วย 

3. เพิ่มวันเที่ยววนอุทยานฟรี (สำหรับคนอเมริกัน) มากขึ้น

ที่ผ่านมา วนอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศจะเปิดให้ผู้สนใจเข้าไปเที่ยวได้ฟรีปีละ 7 วัน แต่ปีนี้ มหาดไทย ประกาศเพิ่มวันเที่ยวฟรีเป็น 10 วัน แต่จะให้เป็นสิทธิพิเศษสำหรับชาวอเมริกันหรือมีถิ่นพำนักถาวรในอเมริกาเท่านั้น (resident-only patriotic fee-free days)

วันหยุดที่ชาวอเมริกันหรือมีถิ่นพำนักถาวร เข้าไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติได้ฟรี คือ

-16 กุมภาพันธ์ Presidents’ Day)
-25 พฤษภาคม (Memorial Day)
-14 มิถุนายน (Flag Day และวันเกิดประธานาธิบดีทรัมป์)
-3–5 กรกฎาคม (Independence Day weekend)
-25 สิงหาคม (วันครบรอบ 110 ปี National Park Service)
-17 กันยายน (Constitution Day)
-27 ตุลาคม (วันเกิด Theodore Roosevelt)
-11 พฤศจิกายน (Veterans Day)

ส่วนผู้เข้าชมชาวต่างชาติจะต้องจ่ายค่าบัตรและค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดเอาไว้

ปิดท้ายด้วยสถิตินักท่องเที่ยวของปี 2024 ที่อุทยานแห่งชาติทั้ง 63 แห่งทั่วประเทศ ได้รองรับผู้เข้าชมมากถึง 331.8 ล้านคน เป็นต่างชาติประมาณ 14.6 ล้านคน.