เว็บไซต์ SFGATE ของซานฟรานซิสโก รายงานเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2025 ถึงผลปฏิบัติการของกล้องจับความเร็ว หรือ speed cameras ที่เริ่มติดตั้งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จำนวน 50 กล้องใน 33 จุดทั่วเมืองซานฟรานซิสโก และเริ่มออกใบสั่งจริง (แทนใบเตือน) ให้กับผู้ทำผิดกฎจราจรตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา

โดยในเดือนสิงหาคมเพียงเดือนนั้น ข่าวบอกว่ากล้องจับความเร็ว สามารถออกใบสั่งขับรถเร็วเกินกำหนดได้มากกว่า 16,500 ใบ และว่าหากมีการเรียกเก็บค่าปรับเต็มจำนวนจริงๆ จะทำให้เมืองซานฟรานซิสโก มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.2 ล้านดอลลาร์ทันที

ทั้งนี้ กฎหมายท้องถิ่นของซานฟรานซิสโก ระบุว่าหากขับรถเร็วกว่ากำหนดระหว่าง 11-15 ไมล์ ค่าปรับจะอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ แต่หากขับเร็วตั้งแต่ 16-20 ไมล์ ค่าปรับจะเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 100 ดอลลาร์ 

อย่างไรก็ดี การพิจารณาค่าปรับของเมืองซานฟรานฯ มีการยืดหยุ่น เช่นผู้ทำผิดครั้งแรกอาจไม่ต้องเสียค่าปรับ, มีส่วนลดสำหรับผู้มีรายได้น้อย และมีทางเลือก เช่นทำงานบริการชุมชนแทนการเสียค่าปรับ อีกทั้งผู้รับใบสั่งอาจอุทธรณ์ และชนะคดีในชั้นศาลได้

ข่าวอ้างคำแถลงของสำนักงานขนส่งมวลชนของเมืองซานฟรานฯ ว่ากล้องจับความเร็วไม่ได้ถูกติดตั้งเพื่อหารายได้เข้าเทศบาลแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป้าหมายหลักคือการป้องกันการขับรถเร็วบนถนนในซานฟรานซิสโก ซึ่งข้อมูลล่าสุดบอกว่าความเร็วเฉลี่ยของการจราจรใน 15 จุด ลดลงโดยเฉลี่ยถึง 72 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงหน้าร้อนนี้ 

ทั้งนี้ กฎหมาย เอบี 645 ของแคลิฟอร์เนีย อนุญาตและให้ทุนสนับสนุนเมืองต่างๆ เช่น ลอส แอนเจลิส, เกลนเดล, ลองบีช, ซานฟรานซิสโก และโอ๊คแลนด์ ติดตั้งกล้องจับความเร็วเพื่อลดความเร็วของรถยนต์และป้องกันอุบัติเหตุจราจรในเส้นทางที่มีอุบัติเหตุบ่อย หรือในจุดที่ถือว่าเสี่ยงอันตราย เช่นใกล้โรงเรียน ฯลฯ  โดยกล้องเหล่านี้ จะถ่ายภาพป้ายทะเบียนรถที่วิ่งเร็วเกินกำหนด และออกใบสั่งไปยังเจ้าของรถได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่ฯ

ในส่วนของลอส แอนเจลิส นั้น โครงการที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงกลางปี 2026 นี้ มีกล้องมากถึง 125 ตัว หรือมากที่สุดในบรรดาเมืองที่เข้าร่วมโครงการนี้.