Lyft ไรด์แชร์ยอดนิยมของแคลิฟอร์เนีย แถลงว่าจะยกเลิกฟีเจอร์ทดลอง ที่จะช่วยให้คนขับทราบถึงพฤติกรรมการให้ทิปของผู้โดยสาร ก่อนที่จะรับงาน โดยโฆษกของ Lyft แถลงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 ว่าเหตุผลคือ “เราฟังเสียงของลูกค้า”

โดย Lyft บอกว่าทดลองใช้ฟีเจอร์นี้ เพื่อให้คนขับมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจรับงานมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมีเพียงจำนวนค่าโดยสาร ระยะทาง และคะแนนรีวิวผู้โดยสารเท่านั้น

แต่การเพิ่มฟีเจอร์ ที่ทำให้ผู้โดยสารถูกปฏิเสธได้ง่ายขึ้นนี้ ทำให้เกิดกระแสตีกลับค่อนข้างแรง โดยในโลกออนไลน์ ได้แชร์ภาพหน้าจอฟีเจอร์นี้อย่างแพร่หลาย พร้อมคำวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปในแง่ลบ รวมถึงเกิดกระแสรณรงค์ให้เลิกใช้ แอพฯ ไรด์แชร์ ชนิดนี้ด้วย

ส่วนหนึ่งของกระแสตีกลับดังกล่าว น่าจะมาจากความรู้สึกของชาวอเมริกันที่มองว่าการเรียกร้องค่าทิปกำลังอยู่ในสภาพ “คุมไม่อยู่” และรู้สึกว่าพวกเขาถูกบังคับให้ทิป แม้จะเป็นธุรกิจที่ลูกค้าต้องบริการตัวเองก็ตาม

ผลสำรวจความเห็นประชาชนเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 โดย Bankrate บริษัทที่ปรึกษาและข้อมูลทางการเงิน พบว่า 41 เปอร์เซ็นต์ของคนอเมริกันคิดว่าวัฒนธรรมการให้ทิป “เกินขอบเขต” ไปแล้ว ถือว่าเพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซ็นต์จากปี 2024

โดย Lyft ซึ่งได้รับความนิยมสูงมากในลอส แอนเจลิส และหลายเมืองของแคลิฟอร์เนีย แต่มีส่วนแบ่งตลาดระดับประเทศในปี 2024 เพียง 24 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถือว่าเป็นรอง Uber ที่มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 76 เปอร์เซ็นต์ อยู่ค่อนข้างมาก (ข้อมูลจาก AutoInsurance.com).