เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2025 คาเรน บาสส์ นายกเทศมนตรีของนครลอส แอนเจลิส พร้อมด้วย โรเบิร์ท การ์เซีย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเขต 12 ของแคลิฟอร์เนีย ร่วมกันแถลงข่าวในย่านดาวน์ทาวน์ฯ เรื่องการเปิดการสอบสวนครั้งใหญ่ต่อการปฏิบัติของกระทรวงความมั่นคงภายใน (DHS) ทั้งในระดับท้องถิ่นและในสภาคองเกรส 

โดยนายกฯ กล่าวว่าการสอบสวน เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลกลางต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เธอเรียกว่า “การใช้อำนาจเกินขอบเขตในการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง”

บาสส์ ซึ่งต่อต้านและวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเนรเทศขนานใหญ่ของทรัมป์ในลอส แอนเจลิส มาตั้งแต่ต้น กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีพลเมืองสหรัฐฯ อย่างน้อย 170 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ รวมถึงจะมีการไต่สวนแยกต่างหาก เกี่ยวกับความชอบธรรมในการจับกุมกักขังผู้อพยพจำนวนหลายพันคน โดยไม่มีเหตุผลอันควร

“สิ่งสำคัญที่เราต้องกล่าวในวันนี้คือ สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้อพยพไม่มีเอกสารแสดงตัว ก็กำลังเกิดขึ้นกับพลเมืองสหรัฐฯ เช่นกัน ซึ่งหมายความว่าเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน กับพวกเราทุกคน ในทุกช่วงเวลา” นายกเทศมนตรีกล่าว

ส.ส.โรเบิร์ท การ์เซีย ซึ่งเป็นสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมาธิการกำกับดูแลของสภาผู้แทนราษฎร (House Oversight Committee) ระบุว่า เพื่อนสมาชิกพรรคเดโมแครตกำลังจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับยุทธวิธีของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง (ICE) ในลอสแอนเจลิสและพื้นที่โดยรอบ

“เราต้องการรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรในชุมชนของเรา เงินทุนมาจากไหน คณะกรรมาธิการของเรากำลังติดตามและสอบสวนกระทรวงความมั่นคงภายใน” การ์เซียกล่าว และเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมรับฟังการไต่สวน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันและเวลาที่แน่นอน

ที่ผ่านมานั้น ปฏิบัติการจับกุมผู้อยู่ผิดกฎหมายของสำนักงานบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง (ไอซ์) และกระทรวงความมั่นคงภายใน จะเน้นไปที่บุคคลที่มีประวัติอาชญากรรม ฯลฯ เป็นการจับกุมตามหมายจับเท่านั้น แต่ภายใต้นโยบายเนรเทศขนานใหญ่ของทรัมป์ ที่ตั้งเป้าให้มีการกวาดจับวันละ 3,000 คน เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ฯ ใช้วิธีกวาดจับผู้อพยพแบบเหวี่ยงแห ตามแหล่งงาน ศาล หรือการจับกุมตามป้ายรถเมล์ ฯลฯ ด้วยวิธีการรุนแรง เป็นเหตุให้เกิดการฟ้องร้องโดยสำนักงานอัยการของรัฐแคลิฟอร์เนีย และของท้องถิ่น รวมถึงมีการฟ้องร้องโดยองค์กรด้านสิทธิของผู้อพยพ มากมายหลายคดี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลาง จะสั่งห้ามไม่ให้มีการกวาดจับกุมแบบเหวี่ยงแห เพราะเข้าข่าย “เลือกปฏิบัติจากสีผิว-เชื้อชาติและภาษา” ก็ตาม แต่ศาลฎีกาสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้พิพากษาหัวอนุรักษ์จากการแต่งตั้งของทรัมป์ เป็นเสียงข้างมาก ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อเดือนกันยายน ยกเลิกคำสั่งห้ามของศาลชั้นต้น และเปิดทางให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางกลับมาปฏิบัติการบุกตรวจค้นและกวาดจับแบบเหวี่ยงแหในลอสแอนเจลิส ได้อีกครั้ง

เพื่อตอบสนองต่อคำวินิจฉัยดังกล่าว คณะผู้บริหารของลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ ได้ประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินในท้องถิ่น เพื่อช่วยเหลือชุมชนที่กำลังหวาดกลัว และหาทางเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับธุรกิจท้องถิ่น และครอบครัวของผู้อพยพ ที่เกิดจากการบุกจับของเจ้าหน้าที่.