ในช่วงที่ผ่านมา รัฐฟลอริด้า โดยผู้ว่าการรัฐฯ รอน เดอแซนติส พยายามผลักดันให้สภานิติบัญญัติของฟลอริด้า ยินยอมแก้ไขกฎหมายแรงงานเด็ก (Child labor bill) ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานขาดแคลน หลังการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านผู้อยู่อย่างผิดกฎหมาย (anti-illegal immigration legislation) ของฟลอริด้ามาตั้งแต่ปลายปี 2023 ต่อเนื่องมาจนถึงนโยบายอิมมิเกรชั่นอันแข็งกร้าวของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลให้มีกรล้อมจับแรงงานผิดกฎหมายทั่วประเทศตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

“ใช่ เราให้คนออกไปเพราะกฎหมายเหล่านั้น แต่เราก็จำเป็นต้องจ้างคนอื่นเข้ามาแทน” รอน เดอแซนติส กล่าวระหว่างการเฮียริ่งในรัฐสภาของฟลอริด้าเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา “ถามว่าผิดตรงไหน ที่เราจะคาดหวังให้วัยรุ่นออกมาทำงานพาร์ทไทมส์บ้าง เมื่อก่อนผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน”

โดยความพยายามแก้ไขกฎหมายแรงงานเด็กของฟลอริด้านั้น มีการผลักดันผ่านร่างกฎหมาย เอสบี 918 หรือกฎหมายจ้างงานผู้เยาว์ (Employment of Minors) ซึ่งจะอนุโลมให้วัยรุ่น หรือผู้มีอายุ 16 และ 17 ปี สามารถทำงานได้มากกว่าวันละ 8 ชั่วโมง และสัปดาห์ละมากกว่า 30 ชั่วโมงในช่วงเปิดเทอม และให้ยกเลิกข้อบังคับบางอย่างเกี่ยวกับการว่าจ้างผู้เยาว์อายุ 14 ปีที่ยังเรียนหนังสือ (ทั้งในระบบโรงเรียนและโฮมสกูล หรือ GED (สอบเทียบวุฒิ)

หมายถึงจะยินยอมให้เด็กอายุ 14-15  ปีทำงานกะกลางคืน (overnight shifts) ได้ และหากอายุ 16 ปีขึ้นไปก็สามารถทำงานแบบเต็มเวลา รวมถึงทำงานกลางคืน (overnight job) ได้ แม้จะอยู่ในช่วงโรงเรียนเปิดเทอม ฯลฯ

โดยรายละเอียดของกฎหมาย เอสบี 918 จะแก้ไขกฎหมายเดิม ที่ให้ความคุ้มครองแรงงานเด็กแบบเข้มงวด เช่นไม่อนุญาตให้ผู้เยาว์ทำงานมากกว่า 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงเปิดเทอมหากไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือไม่อนุญาตให้ได้รับการบรรจุเป็นพนักงาน (gainfully employed) ในช่วงเวลาเรียนเว้นแต่ผู้เยาว์กำลังเรียนโปรแกรมสายอาชีพ (enrolled in a career education program)

นอกจากนี้ กฎหมายปัจจุบันของฟลอริด้า ยังห้ามไม่ให้ผู้เยาว์ อายุระหว่าง 16-17 ปีทำงานก่อนเวลา 06.30 น. หรือหลังจาก 1123.00 น. หากต้องไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น รวมถึงห้ามผู้เยาว์ทำงานมากกว่าแปดชั่วโมงหากมีเรียนในวันรุ่งขึ้น ฯลฯ

ล่าสุด กฎหมาย เอสบี 918 ขณะนี้ผ่านความเห็นชอบแบบเฉียดฉิวจากคณะกรรมการด้านการค้าและการท่องเที่ยวของสภาสูงมาแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาการอีกสองชุด ก่อนผ่านเข้าสู่การพิจารณาของสภาสูง หรือวุฒิสภาของรัฐ และหากผ่านทุกขั้นตอนก็จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2025.