"ตอนนี้เขาแข็งแรงดีค่ะ เขาไม่เคยมีปัญหาทางด้านร่างกายเลย คุณแม่เลี้ยงมาให้ดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่เด็ก พวกเราจะเป็นคนที่ดูแลสุขภาพกันมาก จะไม่ใช่คนที่ชอบกินอะไรแปลกๆ หรือทำอะไรที่ทำให้สุขภาพตัวเองไม่ดีอ่ะค่ะ แล้วพี่ชายจะเป็นคนมีวินัยมาก ออกกำลังกายทุกวัน ปั่นจักรยานในหมู่บ้านอะไรแบบนี้ คือไม่ต้องมีคนคอยดูแลเลยค่ะ ของพวกนี้มันเป็นสิ่งที่ควรจะได้รับตั้งแต่เด็กๆ ต้องฝึกฝนตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว เหมือนเป็นการปูนิสัยให้เขา ทำให้เขาโตขึ้น ยิ่งเด็กพวกนี้ (ดาวน์ซินโดรม) เขาเคยถูกปลูกฝังมายังไง เวลาโตขึ้นมันเคาะออกยากมาก มันจะเป็นอย่างนั้นไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้เขากินข้าวเช้าเวลานี้เขาก็จะต้องกินเวลานี้ อย่าได้ไปเปลี่ยนแปลง เขาเป๊ะมาก รวมถึงนิสัยต่างๆ นาๆ ที่เขาถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยค่ะ พรีมกับพี่ชายอายุห่างกันแค่ปีเดียว ปีนี้พรีม 22 พี่ชายพรีม 23 พรีมไม่เคยมองว่ามันเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้หญิงอายุเท่าพรีม เรื่องของครอบครัวมันเป็นหน้าที่ ที่ค่อยๆ เพิ่มมาทีละนิดตั้งแต่พรีมเริ่มทำงาน เหมือนตัวเราเริ่มทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ ความหนักในการทำงานมันก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามอายุ เติบโตไปด้วยกัน จนถึงวันหนึ่งที่พรีมอายุเท่านี้ หันกลับไปมองก็จะเห็นว่า อ้าว...จริงๆ สิ่งที่เราทำมาตลอดมันก็เยอะเหมือนกันนี่นา เราแทบไม่รู้เลยว่าเราเพิ่มสเตปให้ตัวเองทีละนิด พรีมว่ามันดีนะคะ มันทำให้เราได้มีความรับผิดชอบโดยที่เราไม่รู้ตัว ไม่ได้เครียด ไม่ได้กดดันตัวเอง พรีมดูแลพี่ชายมาตั้งแต่เด็ก ทำมาตั้งแต่ยังเด็กๆ เลยค่ะ เราผูกพัน เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่เลี้ยงเรา 2 คนเองด้วย พรีมกับพี่ไม่เคยมีพี่เลี้ยง ไม่มีคนดูแล เราใกล้ชิดกันมาก สมัยก่อนพรีมไม่กล้านอนคนเดียว พรีมจะนอนห้องเดียวกับพี่ชาย ก็จะอยู่กับเขาตลอด พรีมเล่นกับพี่ตลอดเวลา ชินมากแล้ว ทุกวันนี้ก็อยู่ด้วยกัน 3 คน มีพรีม แม่ แล้วก็พี่ชายค่ะ กลับไปบ้านได้เจอพวกเขาเราก็หายเหนื่อย เราแทบไม่มีอะไรต้องทำ เพราะคุณแม่จะดูแลในส่วนของที่บ้าน พี่ชายเขาก็อยู่กับโซเชียล เขาใช้ชีวิตได้ปกติ (หลายคนชื่นชมพรีม เป็นหญิงแกร่ง?) จริงๆ ทุกคนที่ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยก็มักจะมีอารมณ์แบบนี้แหละค่ะ ลึกๆ นิสัยพรีมก็เป็นคนแมนๆ อยู่แล้วด้วย ฉะนั้นความแข็งแกร่งแข็งแรงมันอาจจะมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ถามว่ารู้สึกท้อไหม มันมีโมเม้นต์งอแงบ้างค่ะ บางทีแอบคิดว่าฉันเหนื่อยนะ ฉันอยากไปเที่ยวกับเพื่อน อยากกินโน่นนี่ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเราจะคิดได้ว่า ถ้าเราไม่เป็นตอนนี้ไม่เหนื่อยตอนนี้ เดี๋ยวอีก 10 ปี ข้างหน้าเราก็เป็นแบบนี้อยู่ดี มันต้องมีสักวันที่เราเติบโต แล้วทำงานเป็นผู้ใหญ่ถูกไหมคะ สุดท้ายลองปลอบใจตัวเอง ถ้าเราไม่เสียสละตอนนี้ อนาคตต้องเจอกับสิ่งๆ นี้อยู่ดี สู้เรารู้จักความลำบาก รู้จักความเหนื่อย อดทนซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า เพราะถึงวันข้างหน้าที่เราเติบโตจริงๆ เราจะได้ไม่เครียดมาก อีกอย่างคุณแม่กับพี่ชายก็คือครอบครัวของพรีม พรีมได้กลับบ้านไปเจอพวกเขา แค่นี้ก็ทำให้พรีมอุ่นใจแล้วค่ะ" พรีมกล่าว
(เครดิต เอ็มไทยดอทคอม)