สวัสดีครับทุกคนบทความในสัปดาห์นี้ครอบคลุมเรื่องที่สำคัญมากของการตรวจคนเข้าเมืองที่เกี่ยวข้องกับกฏหมายของการอยู่เกินกำห
นดวีซ่า
ผมขอแนะนำให้คุณอ่านต่อเพราะหัวข้อในสัปดาห์นี้อาจมี ผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งคุณหรือคนที่คุณรู้จัก
ผมได้ครอบคลุมถึงวีซ่าผู้อพยพครอบครัวที่ผ่านมาโดยเฉพาะสำหรับการยื่นคำร้องญาติคนต่างด้าว (แบบฟอร์ม I-130 ของ
USCIS) เป็นตัวเตือนทุกพลเมืองสหรัฐหรือคนที่ได้วีซ่าอยู่ถาวรถูกต้องตามกฏหมายต้องยื่น I-130
ในการยื่นขอเป็นสปอนเซอร์ใบเขียวให้กับ Immediate Relatives
ในบทความที่ผ่านมานั้นผมได้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างการประมวลผลของกงสุลและการปรับสถานะเพื่อให้ได้อยู่อาศัยอย่างถาวร
ถูกต้องตามกฎหมาย และถึงแม้ว่าผมได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่าการรักษาสถานะชั่วคราวที่ถูกต้องตามกฎหมายมีความสำคัญแค่ไหน
ก็ยังได้รับโทรศัพท์จากหลายคนซึ่่งมีปัญหาเกี่ยวกับการอยู่เกินกำหนดของวีซ่า
จากการพูดคุยกับคนเหล่านี้ผมได้ค้นพบว่าหลายครั้งมันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา
แต่เป็นความผิดของคนที่เขาว่าจ้างไม่ว่าจะเป็นทนายหรือทะแนะ หรือใครก็ตามที่ทำเคสของพวกเขา
เนื่องจากพวกเขาไม่ได้แจ้งลูกความเกี่ยวกับผลกระทบของการอยู่เกินวีซ่า โดยเฉพาะในกรณีที่ลูกความไม่ได้เป็น Immediate
Relative ในขณะที่คุณจะอ่านบทความนี้คุณจะทราบถึงผลกระทบที่น่ากลัวในภายหลัง
อีเมลล์ - คำถามสัปดาห์นี้มาจากคุณสมศรี จาก นอร์ท ฮอลลิวูด แคลิฟอร์เนีย
คำถาม:
เรียน คุณโจเซฟ
ดิฉันถือสัญชาติอเมริกัน หลายปีที่ผ่านมาลูกชายถือวีซ่า (B-2) ท่องเที่ยว มาอเมริกา หลังจากนั้น 4
เดือนดิฉันได้ว่าจ้างทนายความยื่นขอใบเขียว สัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้รับแจ้งจากอิมมิเกรชั่นว่าคำร้อง I-130
สำหรับลูกชายได้รับการอนุมัติแต่ดิิฉันไม่สามารถดำเนินการด้วยการปรับสถานะในเวลานี้ในสหรัฐฯ หมายความว่าอย่างไรคะ
ลูกชายของดิฉันต้องกลับไปเมืองไทยหรือเปล่าคะ ดิฉันขอขอบคุณที่ช่วยในเรื่องนี้ ขอบคุณคะ
คำตอบ:
เรียน คุณสมศรี
ใช่ครับ
น่าเสียดายที่ลูกชายของคุณจะต้องกลับประเทศไทยเพื่อดำเนินการต่อกระบวนการของการได้รับกรีนการ์ดผ่านการประมวลผลของกงสุ
ล อย่างไรก็ตาม ยังไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายมาก คุณบอกว่าลูกชายเดินทางด้วยวีซ่าท่องเที่ยวชั่วคราว โดยทั่วไปจะมีความถูกต้อง 6 เดือน
ผมสมมุติว่าลูกชายของคุณได้อาศัยอยู่ที่อเมริกาเกินกำหนดของวีซ่า
โดยทั่วไปจะใช้เวลาหลายปีสำหรับการยื่นขอคำร้องเป็นพลเมืองของสหรัฐฯ เพื่อได้รับการอนุมัติ
ผมสมมุติว่าลูกชายของคุณอยู่ที่นี่มานานกว่า 1 ปี ซึ่งจะหมายถึงว่าถ้าเขาจะออกจากสหรัฐฯ เขาจะถูกระงับจากการกลับมาอีก 10
ปี!!!
อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้ มีหลายคนสอบถามผมในกรณีที่คล้ายๆกัน เนื่องจากการไม่สามารถเป็นสปอนเซอร์ให้กับ Immediate
Relatives ได้ อ่านต่อนะครับ
อยู่เกินวีซ่าของคุณ = ผิดกฎหมาย
เมื่อใดก็ตามที่พลเมืองจากประเทศอื่นเข้ามาในสหรัฐฯที่ี่ถือวีซ่าหรือผ่านโครงการยกเว้นวีซ่า จาก US Customs และ Border
Protection Officer จะตรวจสอบบุคคลนั้น และ หลังจากได้รับการอนุมัติจะได้รับใบ I-94,
ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบออนไลนได้ I-94 นี้แสดงให้ทราบไม่เพียงแต่เมื่อคุณเข้ามาในสหรัฐ แต่เมื่อคุณต้องเดินทางออกด้วยเช่นกัน
ฉะนั้นจะมีข้อมูลถ้าคุณอยู่เกินกำหนด นับจากวันที่เข้ามา จำนวนวันที่เกิน นั่นคือเวลาที่คุณมีอยู่ในสหรัฐที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
เวลาที่คุณอยู่เกินวีซ่าของคุณอาจมีผลกระทบร้ายแรงต่อการยื่นขอผลประโยชน์ทางอิมมิเกรชั่นใดๆในอนาคต
3 ปี / 10 ปี / บาร์ถาวร
ที่ผมกล่าวถึง ถ้าคุณยังคงอยู่ในสหรัฐอเมริกาเกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตใน I-94
คุณจะเริ่มต้นของการแสดงตนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คุณมีอยู่เกินการอนุมัติวีซ่า
คุณอาจจะกลับมาได้ตามกฎหมาย มีดังนี้
บาร์ 3 ปี: ถ้าคุณได้รับการแสดงตนที่ผิดกฎหมายมากกว่า 180 วันต่อเนื่อง (6 เดือน) แต่น้อยกว่าหนึ่งปี
และออกจากประเทศก่อนที่จะมีขั้นตอนอย่างเป็นทางการอื่น ๆ คุณจะถูกกันออกไปจากการเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลา 3 ปี
บาร์ 10 ปี: ถ้าคุณได้รับการแสดงตนที่ผิดกฎหมายมากกว่า 365 วันต่อเนื่อง (1 ปี)
และออกจากประเทศก่อนที่จะมีการเริ่มต้นของการเนรเทศหรือขั้นตอนอย่างเป็นทางการอื่น ๆ
คุณจะถูกกันออกไปจากการเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลา 10 ปี
บาร์ถาวร: ถ้าคุณได้รับการแสดงตนที่ผิดกฎหมายมากกว่า 1 ปี (ในภาพรวม ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่อง) หรือถูกสั่งให้ออกจากสหรัฐฯ
และจากนั้นเข้ามาหรือพยายามเข้ามาโดยไม่ได้ผ่านการตรวจสอบ คุณจะถูกกีดกันออกไปอย่างถาวรจากสหรัฐฯ (อาจเป็นตลอดชีวิต
แต่หลังจาก 10 ปี คุณสามารถขออนุญาตเป็นพิเศษในการยื่นขอวีซ่าหรือกรีนการ์ดได้
ผลกระทบของการอยู่เกินวีซ่าของคุณ?
มีผลกระทบหลายอย่างเมื่อคุณอยู่เกินวีซ่าของคุณ บางส่วนของผลกระทบที่สำคัญมากที่สามารถเกิดขึ้นได้คือ:
(1) วีซ่าของคุณถูกยกเลิกอัตโนมัติ - ถ้าคุณอยู่เกิน วีซ่าของคุณจะเป็นโมฆะโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีวีซ่า B-2
(ท่องเที่ยว) ที่สามารถเข้าออกได้หลายครั้ง และคุณไม่ได้ออกจากสหรัฐฯ ก่อนวันที่ระบุไว้ใน I-94 แล้วไม่เพียงวีซ่าเป็นโมฆะ
แต่มันจะไม่เป็นผลดีสำหรับการเดินทางในอนาคต
(2) ไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อเวลาหรือเปลี่ยนสถานะของวีซ่าของคุณในขณะที่อยู่ในสหรัฐฯ
คนที่อยู่เกินสถานะชั่วคราวจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนหรือต่อสถานะของพวกเขาในขณะที่อยู่ในสหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น
ถ้าคุณมาสหรัฐฯ ด้วยวีซ่า (B-2) และยังคงอยู่ในสหรัฐเกินกว่าที่กำหนดใน I-94
คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนสถานะเป็นวีซ่านักเรียน (F-1) แม้จะได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยสหรัฐอเมริกาก็ตาม
(3) ไม่มีสิทธิ์ปรับสถานะเป็นใบเขียว* - ผู้ที่ยังอยู่เกินวีซ่าของพวกเขาไม่สมควรที่จะปรับสถานะเป็นใบเขียวได้
คนเหล่านี้จะต้องออกไปจากสหรัฐฯ และกลับเข้ามาผ่านกระบวนการของกงสุลอีกครั้งหนึ่ง
ยกเว้น * : มี 2 ข้อกรณี
(1) สำหรับ Immediate Relatives ของพลเมืองสหรัฐฯ และ (2) เคส “Grandfathered In”
ภายใต้กฎหมายเก่ามาตรา 245(i) ของพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและสัญชาติภายใต้ INA 245 (i)
คุณสามารถปรับสถานะกับทาง USCIS มีค่าปรับ $1,000 เหรียญ
ตอนนี้คุณได้อ่านบทความของผมและเข้าใจผลกระทบของการอยู่เกินวีซ่าของคุณ
ผมหวังว่าคุณจะระมัดระวังและส่งต่อข้อมูลนี้ให้เพื่อนของคุณ มีคนไทยจำนวนมากถูกปฏิเสธเป็นผลจากการไม่ได้รับข้อมูลทางกฎหมาย
ถ้าคุณมีคำถามใดๆที่ต้องการที่จะได้รับการตอบในบทความในอนาคตหรือถ้า
อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ กฏหมายทั่วไป Immigration, Business, Property, และอื่นๆ
โปรดติดต่อ ส่งอีเมลมาที่: JC4LAW@HOTMAIL.COM
โทรเข้าออฟฟิสได้ที่เบอร์ (818) 505-4921
TEXT: หรือ ผู้ที่อาศัยอยู่ใน USA โปรดส่งข้อความถึงผมที่ (818) 505-4921 ...
LINE: สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยคุณสามารถใช้ LINE ได้ครับ (LINE ID: JC_esq)
WEB: หรือท่านสามารถเข้าไปที่ website ของเราได้นะครับ มีทั้งภาษาไทยและอังกฤษที่:
WWW.JC4LAW.COM
FACEBOOK at: https://www.facebook.com/ThaiAttorney
และใน YouTube ลองดู "Joseph Chitmongran" นะครับ อย่าลืมตามผมกด "Subscribe"
ด้วยนะครับ Thank You!
Disclaimer: The information contained herein have been prepared for
informational purposes only and are not to be considered legal advice unless
otherwise specified. If you have a specific question regarding your personal
case, please contact the Law Offices of Joseph Chitmongran for a full
consultation.