เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2025 จอช กรีน ผู้ว่าการรัฐฮาวาย ได้ลงนามในกฎหมายว่าด้วยการจัดเก็บภาษีห้องพักและห้องเช่าเพื่อการพักผ่อน (vacation rental stays) เพื่อนำรายได้ไปแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ของฮาวาย เช่นการกัดเซาะชายฝั่ง และไฟป่า ฯลฯ

กฎหมายภาษีเพื่อแก้ไขปัญหาความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับแรกของอเมริกานี้ มีขึ้นเกือบสองปีหลังจากฮาวายต้องเผชิญไฟป่ามาวี (Maui wildfire) ที่คร่าชีวิตประชาชนถึง 102 คนและเผาผลาญเมืองลาไฮน่า บนเกาะมาวี จนวอดเกือบทั้งเมือง 

ประเมินว่าการจัดเก็บภาษีใหม่ จะทำให้ฮาวายมีรายได้ปีละเกือบ 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อที่จะใช้ทำโครงการต่างๆ เช่นการถมทรายบนชายหาดไวกีกิ, สนับสนุนให้บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า hurricane clips เพื่อป้องกันไม่ให้หลังคาเสียหายขณะเกิดพายุ และกำจัดหญ้ารุกรานที่ติดไฟง่าย และกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีของไฟป่า ฯลฯ นอกจากนี้ยังจะใช้สำหรับสร้างแนวป้องกันไฟ (firebreaks) และเป็นเงินเดือนของหัวหน้าดับเพลิง (fire marshal) ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ที่ผู้ว่าการรัฐฮาวายแต่งตั้งขึ้น

ผู้ว่าการรัฐฮาวายกล่าวว่า รัฐอื่นๆ ควรจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแบบฮาวายโดยเร่งด่วน เพราะมันกำลังนำ “มหันตภัย” คืบคลานเข้ามาใกล้โลกอยู่ตลอดเวลา

กฎหมายฉบับนี้ จะจัดเก็บภาษีจากนักท่องเที่ยวในอัตรา 0.75 เปอร์เซ็ต์ สำหรับห้องพักรายวัน (หรือประมาณ 3 ดอลลาร์สำหรับห้องพักราคาคืนละ 400 ดอลลาร์) โดยจะเริ่มจัดเก็บตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ศกหน้า

นอกจากนี้ นับจากเดือนกรกฎาคม 2026 เป็นต้นไป ฮาวายจะจัดเก็บภาษีจากนักท่องเที่ยวบนเรือสำราญที่แวะเทียบท่าด้วย โดยจะจัดเก็บในอัตรา 11 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวเที่ยวจ่ายให้บริษัทเรือสำราญ โดยอัตราภาษีจะขึ้นลงตามจำนวนวันที่เรือเทียบท่า

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแสดงความกังวลว่าภาษีชนิดใหม่ จะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว เพราะฮาวายมีการจัดเก็บภาษีห้อง หรือ room tax ในอัตรา 10.25 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เมื่อรวมกับภาษีของรัฐ และของเคาน์ตี้ เข้าไป เท่ากับว่าการเดินทางมาพักผ่อนที่ฮาวายนั้น นักท่องเที่ยวต้องจ่ายภาษีห้องพักรวมแล้วเกือบ 19 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในประเทศ.