ใจหนึ่งก็ยินดีไปกับความสำเร็จของ YOUR NAME ที่เข้าฉายและกวาดรายได้เกินความคาดหมายในบ้านเรา แต่น่าสงสารสำหรับบรรดาหนังเรื่องอื่นๆที่เข้าฉายในสัปดาห์เดียวกัน ที่กลายเป็นหนังที่ “ถูกลืม” ไม่ว่าจะเป็นหนังอย่าง INFERNO ที่มีดาราอย่างทอม แฮงค์นำแสดง แถมยังดัดแปลงมาจากนวนิยายของ “แดน บราวน์” เช่นเดียวกันกับหนังร่วมทุนระหว่างไทย-พม่า เรื่อง FROM BANGKOK TO MANDALAY ถึงคน...ไม่คิดถึงที่ทำเงินถล่มทลายในพม่า ส่วนบ้านเราเรียกได้ว่าเงียบกริบ

 เป็นเรื่องน่าตลกขบขันอย่างหนึ่ง เวลาหนังตลก ทุนต่ำ และเต็มไปด้วยคำด่ากราด (หนังรถเมล์เมื่อเดือนก่อน) คนกลับมักจะงัดประโยคว่า “เพราะมีแต่หนังไทยแบบนี้ วงการหนังไทยถึงตกต่ำ” แต่พอมีหนังที่เรียกได้ว่ามีคุณภาพ น่าสนใจ สุดท้ายก็ไม่มีใครชายตาแลหนังไทยอยู่ดีเพราะ 1.ไม่มีดาราดังๆ 2.ไม่ใช่ค่ายหนังแบรนด์ดังๆ 3.ดูไปก็ไม่รู้จะเอาไปคุยกับใครเพราะคนที่จะคุยด้วยไม่ดู

 ทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้หนังอย่าง FROM BANGKOK TO MANDALAY ถึงคน...ไม่คิดถึง กลายเป็นหนังไทยที่ถูกลืมอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะมันปราศจาก 3 ข้อที่ระบุมาไว้ในย่อหน้าที่แล้ว

 ว่ากันตามเนื้อเรื่องและสไตล์ของหนังเรื่องนี้ อันที่จริงคนชอบหนังอย่าง YOUR NAME ก็จะหลงรักหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยากเลย เพราะมันเป็นการเดินทางตามรอยจดหมายรัก มีฉากหลังเป็นประเทศพม่า ซึ่งเป็นพม่าแบบเมือง Unseen ด้วยซ้ำไป มันมีวิวทิศทัศน์ที่สวยงาม ประกอบกับการจัดวางของตัวหนังเองที่เพิ่มเติมความงดงามเข้าไปอีก (ซึ่งถึงแม้จะมีความประดิษฐ์แบบจงใจ แต่เมื่อเราดูหนังแล้วสามารถปรับสภาพเข้ากับเรื่องราวของหนังได้ หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มหนัง “แย่” เลย มันเป็นหนังที่คนดูจะเห็นความตั้งใจของทีมงานได้จริงๆ)

 พล็อตเรื่องการจากลาของคนยุคหนึ่ง สู่การเดินทางตามหาความจริงของคนอีกยุคสมัยหนึ่ง ทำให้หนังเต็มไปด้วยการเรียนรู้เรื่องราวของอีกคนสู่อีกคน ซึ่งพล็อตแบบนี้คอหนังรัก (และคอนิยายของนิโคลัส สปาร์ค) น่าจะคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี แต่เหนืออื่นใดก็คือสิ่งที่ทำให้หนังมีการแสดงของเหล่านักแสดงจากพม่า ซึ่งคนที่เรียกได้ว่าแสดงดีมากๆก็คือวุด มน ชเว ยี ผู้รับบทธูซา ที่ทำให้เราอินกับการแสดงของเธอมาก เช่นเดียวกันกับเน โต ผู้รับบทนันดะ คนรักของธูซา เรียกได้ว่านักแสดงฝั่งพม่าก็เล่นได้ดีมาก

 เหนืออื่นใดนอกจากเรื่องราวความรัก โรแมนติก การเดินทางแล้ว สิ่งที่หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นหนังที่ทำให้เราเห็นว่า “พม่าไม่ได้มองประเทศไทยเป็นศัตรูทางประวัติศาสตร์อีกแล้ว” ดังนั้น การที่ประเทศไทยยังมัวแต่สร้างหนังโบราณๆ แล้วเขียนบทให้ตัวร้ายเป็นพม่านั้นเป็นอะไรที่เชยจนอยากจะเลื่อนวันเปิด AEC ออกไปอีกสัก 10 ปี!



(เครดิต สนุกดอทคอม)