อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ หรือน้องอร ซึ่งแม้ตอนนี้อายุจะ 45 แล้ว แต่ก็ยังคงดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ออกมาเล่าถึงประสบการณ์ในการประกวดนางงามว่า สมัยก่อนต้องแอบมาประกวด เพราะเรียนนาฏศิลป์ การประกวดนางงามจะต้องมีแต่งกายโชว์ชุดว่ายน้ำเลยมองว่าไม่เหมาะสม ตอนนั้น ม.3 ไปประกวดแต่งกายเวที พื้นเมืองงาม ก็นุ่งผ้าถุงสวยๆ ได้รางวัลที่ 1 หลังจากนั้นพอจบ ม.6 ช่วงสงกรานต์ ปี 2534 ก็ไปประกวดอีก วันนึงวิ่ง 2 งาน ช่วงกลางวันเป็นเวที แม่หญิงขี่รถถีบก๋างจ้อง ช่วงกลางคืน นางสงกรานต์ ซึ่งก็ได้รางวัลมาทั้ง 2 เวทีเลย คราวนี้เลยต้องลาออกจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ เพราะเรื่องดังในเชียงใหม่แล้ว

ปีถัดมา ก็ไปประกวดนางสาวเชียงใหม่ ไม่ติด 1 ใน 5 ด้วยซ้ำ ได้เพียงแค่รางวัลขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน และขวัญใจนางงาม ถ้าจัดอันดับก็คงจะประมาณที่ 6 แต่ปรากฏว่าในปีนั้นคนที่ได้ตำแหน่งก็หลุดไป เพราะมีข่าวไม่ดีเกิดขึ้น คนอื่นๆ ที่รองจากนั้น ก็ไม่มีใครเป็นคนเชียงใหม่เลย เราเลยต้องทำหน้าที่แทน ในตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ไปโดยปริยาย

น้องอรถูกส่งเข้ามาประกวดนางสาวไทยในปี 2535 โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้มงกุฎ หวังเพียงแต่เข้ารอบสิบคนก็ยังดี อยากได้เงินรางวัลไปเรียนต่อ สมัยนั้นเข้ารอบ 10 คน จะได้ประมาณ 30,000 บาท พอถึงวันประกวดจริงๆ กลับได้เข้ารอบลึกไปเรื่อยๆ จนพิธีกรประกาศชื่อ อรอนงค์ ก็ตกใจ ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ เพราะตัวเต็งจริงๆ ที่หลายคนเชียร์ก็คือคุณจีน่า จิดาภา ณ ลำเลียง โฟรไฟล์สาวลูกครึ่งนักเรียนนอก ภาษาอังกฤษแน่นมาก

ถึงแม้ว่าจะมีกระแสตีกลับและโจมตีอย่างหนัก แต่ก็มีอีกหลายฝ่ายที่เห็นด้วย และบอกเหตุผลว่าเธอสมควรได้รับตำแหน่งนี้ถูกต้องแล้ว เพราะเธอมีกิริยามารยาทอ่อนหวาน สมกับเป็นกุลสตรีไทยที่แท้จริง แถมยังมีความสามารถในเรื่องรำไทยอีกด้วย แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ตอนนี้ก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เธอคือนางสาวไทย ที่สวยทั้งรูปร่างหน้าตา และการกระทำอย่างแท้จริง


(เครดิต เอ็มไทยดอทคอม)