แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : หลังชาวอเมริกันกว่าร้อยล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ซีดีซี อัพเดท “ไกด์ไลน์” ให้ผู้ที่รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน สามารถ “เดินทาง” ได้ แถมไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือต้องกักตัวเมื่อถึงปลายทางแล้ว
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ได้ทำการ “อัพเดท” คำแนะนำของศูนย์ฯ เกี่ยวกับการเดินทาง (Travel) เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา โดยระบุว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว สามารถเดินทางภายในประเทศโดยไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือต้องกักตัวเมื่อไปถึงจุดหมายแล้ว
ก่อนหน้านี้ คำแนะนำเรื่องการเดินทางภายใต้วิกฤตโควิด-19 ของ ซีดีซี ระบุว่าให้ประชาชนเดินทางเฉพาะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วด้วย แต่มีหมายเหตุว่าจะมีการปรับปรุงคำแนะนำอีกครั้ง เมื่อประชาชนได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากขึ้น และมีหลักฐานชัดเจนถึงประสิทธิภาพของวัคซีนนั้น
ข้อมูลของ ซีดีซี ระบุว่าขณะนี้ ประชาชนในประเทศสหรัฐฯ เกือบ 100 ล้านคน หรือประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส หลังจากที่เริ่มต้นฉีดให้ประชาชนเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2020 เป็นต้นมา
โดยคำแนะนำฉบับ “อัพเดท” ของซีดีซี ในเรื่องการเดินทาง มีดังนี้
-ผู้ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว สามารถเดินทางภายในประเทศสหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือกักตัว แต่ควรต้องใส่หน้ากาก, เว้นระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงสถานที่มีคนพลุกพล่าน
-สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ ซีดีซี แนะนำว่าผู้ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทาง เว้นเสียแต่ว่าประเทศปลายทางจะเรียกร้อง
มายเหตุในคำแนะนำข้อนี้ว่า เป็นเพราะมีไวรัสโควิด-19 หลายสายพันธุ์ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับผู้เดินทางระหว่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ ซีดีซี ได้ระบุว่าผู้ที่ผ่านการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว สามารถเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน และอยู่ภายในอาคารโดยไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากาก และเว้นระยะห่าง รวมถึงสามารถไปเยี่ยมผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนที่บ้าน (ครอบครัวเดียว) โดยไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากและเว้นระยะห่าง หากผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ไม่ใช่คนในกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายร้ายแรงจากเชื้อโควิด-19
อย่างไรก็ดี ผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ยังจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำฉบับเดิมของ ซีดีซี คือ “ให้เดินทางเฉพาะมีเหตุจำเป็นเท่านั้น” ต่อไป.