เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2025 สถานีตำรวจเมืองซีลบีช ของแคลิฟอร์เนีย นำคลิปวิดีโอบทสนทนาของสองผู้ต้องหาหญิงที่ถูกจับกุมด้วยคดีขโมยของในร้านค้าปลีก (shoplifter) ขณะอยู่ในรถสายตรวจ ออกเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นเหตุการณ์ขณะทั้งสองแสดงอาการงุนงงอย่างมาก เมื่อรู้ว่าพฤติกรรมเลวร้ายที่ตนเองเคยทำซ้ำๆ โดยไม่มีผลลัพธ์ใดๆ นั้น ได้กลายเป็น “คดีอาญา” ไปแล้ว
“นั่นเป็นคดีอาญาเหรอ” หนึ่งในสองผู้ต้องหาถามเพื่อน
“อี— กฎหมายใหม่ไง ขโมยของเป็นคดีอาญา” ผู้ต้องหาอีกคนตอบ และว่า “แล้วที่นี่มันออเรนจ์ เคาน์ตี้ ด้วยนะอี— พวกเขาเอาจริง”
โพสต์ของสำนักงานตำรวจเขียนว่า “จำไว้นะพวก อย่าขโมยของในซีล” และว่ากฎหมายใหม่ (Prop 36) ที่ชาวแคลิฟอร์เนียโหวตเยสไปเมื่อการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้เสริมความแข็งแกร่งให้ผู้รักษากฎหมายในการทำสงครามกับการโจรกรรมในธุรกิจค้าปลีกได้อย่างเต็มที่
นอกจากบทสนทนาแบบงงๆ ของสองผู้ต้องหาคดีโจรกรรมค้าปลีก ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้ธุรกิจในแคลิฟอร์เนียมายาวนานแล้ว สำนักงานตำรวจฯ ยังโพสต์คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของร้านค้าปลีก เช่น Kohl’s และ Ulta Store เป็นเหตุการณ์ขณะที่กลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งมีสามคน ออกตระเวนขโมยของก่อนจะถูกจับกุม พร้อมระบุมูลค่าของสินค้าที่ถูกขโมย ซึ่งรวมแล้วเกือบ 2,000 ดอลลาร์ด้วย
โดยกฎหมาย 36 ที่ผ่านความเห็นชอบของชาวแคลิฟอร์เนียในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ส่งผลให้ปรับคดีขโมยของในร้านค้า (shoplifting) เป็นคดีอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดได้ถึงสามปี หากเป็นการทำผิดซ้ำสอง รวมถึงเพิ่มโทษให้กับผู้ต้องหาในคดียาเสพติดติดบางชนิดด้วย
ในช่วงปีที่ผ่านมา ปัญหาโจรกรรมในแคลิฟอร์เนียเข้าขั้นวิกฤติ เพราะนอกจากการแอบขโมยสินค้าในร้านแล้ว ยังมีพฤติกรรมทุบร้านเข้าปล้น (smash-and-grab robberies) รวมถึงการรวมตัวบุกเข้าไปขโมยของพร้อมกันครั้งละหลายสิบคนในช่วงที่ร้านเปิดให้บริการ โดยเหตุร้ายรายวันดังกล่าว เกิดขึ้นทั้งในร้านแบรนด์เนม, ร้านค้าขนาดใหญ่, ร้านเสื้อผ้า, รองเท้า รวมถึงร้านค้าปลีกทั่วไป
ผู้รักษากฎหมายและประชาชนส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าปัญหาของแคลิฟอร์เนีย เริ่มขึ้นหลังจากที่ประชาชนโหวตเห็นชอบ กฎหมาย 47 ที่ได้ชื่อว่าเป็นกฎหมายอ่อนข้อให้อาชญากรรม (soft-on-crime policies) ในปี 2014 เพราะเน้นการลดโทษผู้กระทำผิดในคดีที่ไม่ใช้ความรุนแรงลง รวมถึงคดีลักขโมยที่จะกลายเป็นคดีมโนสาเร่ หากมูลค่าความเสียหายต่ำกว่า 950 ดอลลาร์ นอกจากนี้ นับจากเกิดวิกฤตโควิด-19 เป็นต้นมา หลายๆ เคาน์ตี้ ได้บังคับใช้นโยบาย “ค่าปรับเป็นศูนย์” เพื่อลดความแออัดในสถานคุมขังต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ผู้รักษากฎหมาย ไม่สามารถทำการคุมขังผู้ต้องหาในคดีเล็กน้อยได้.