เมื่อบ่ายวันที่ 14 มกราคม 2025 ดร.สุริยา จินดาวงศ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้เดินทางมาพบปะตัวแทนชุมชนไทยในนครลอส แอนเจลิส ที่ห้องประชุมชั้นสี่ของสถานกงสุลใหญ่ฯ โดยมีตัวแทนจากสมาคม, ชมรม และองค์กรต่างๆ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

ดร.สุริยา จินดาวงศ์ กล่าวว่าได้รับเชิญให้มากล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับภูมิภาคเอเชียที่ซานฟรานซิสโก จึงอดไม่ได้ที่จะแวะมาแอลเอ ก่อน เพื่อมาดูด้วยตัวเองว่าสถานการณ์ของชุมชนไทยที่นี่ เป็นอย่างไร

ออท.กล่าวด้วยว่าข่าวคราวเกี่ยวกับวิฤตไฟป่าของลอส แอนเจลิส สร้างความกังวลให้กับทุกฝ่าย เช่นคนไทยในกรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อทราบว่าตนจะมาแอลเอ ก็ฝากแสดงความห่วงใย และกำชับให้ตนหาทางช่วยเหลือโดยเร็ว

“และเมื่อเช้านี้เอง ได้คุยข้อราชการกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ท่านบอกว่าเพิ่งหารือกับนายกรัฐมนตรี ท่านบอกว่า “ฝากบอกเลยนะว่าท่านนายกฯ และท่านรัฐมนตรีว่าการฯ ฝากให้กำลังใจคนไทยที่แอลเอ และฝากถามคนไทยด้วยว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร มีอะไรที่สามารถช่วยเหลือได้ ผมก็เลยแวะมาด้วยเหตุผลนี้” ออท.สุริยา จินดาวงศ์ กล่าว

จากนั้น นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส ได้กล่าวสรุปถึงการให้ความช่วยเหลือคนไทยในลอส แอนเจลิส โดยบอกว่าสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน ทำงาน 24 ชั่วโมงตั้งแต่วันเกิดเหตุ คือวันอังคารที่ 7 มกราคม 2025 เพื่อรวบรวบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย แต่จนถึงขณะนี้ ทางสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้รับแจ้งเหตุจากคนไทยที่เดือดร้อนเพียงแค่ 5-6 รายท่านั้น

กงสุลใหญ่ฯ บอกด้วยว่า ตนได้แยกกลุ่มผู้เดือดร้อนจากสถานการณ์ไฟป่าครั้งนี้ ออกเป็นสี่กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มได้รับความเดือดร้อนแตกต่างกัน คือ 1) กลุ่มที่บ้านถูกไฟไหม้ ซึ่งมีสองราย คือบ้านของคุณปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ ไซม่อน ในมาลิบู และบ้านของคุณทิพาพร จันทราทิพย์ ในเมืองอัลทาดีน่า, 2) กลุ่มที่ธุรกิจถูกไฟไหม้ มีสองราย, 3) กลุ่มที่บ้านเช่าถูกไฟไหม้ 1 ราย และ 4) กลุ่มที่อยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ ต้องออกจากบ้านมาตั้งแต่เกิดเหตุไฟไหม้วันแรกๆ และยังไม่ได้กลับจนถึงขณะนี้ กลุ่มนี้จึงยังไม่ทราบว่าตัวเองประสบความเสียหายหรือไม่ หรือมากน้อยขนาดไหน

พร้อมกันนี้ กงสุลใหญ่ฯ ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุไฟป่าครั้งประวัติศาสตร์ขึ้น ชุมชนไทยได้เคลื่อนไหวเพื่อให้ความช่วยเหลือกับผู้ประสบภัยกันอย่างเต็มที่ สมาคม, ชมรม และองค์กรต่างๆ มีการประชุมหารือกันเพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือ, บางองค์กร เช่นศูนย์ส่งเสริมชาวไทย อาสาเป็นตัวกลางให้กับคนไทยในการติดต่อขอรับความช่วยเหลือกับหน่วยงานภาครัฐ  ขณะที่ร้านอาหารต่างๆ ก็เตรียมอาหารไปเลี้ยงเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ฯลฯ

ซึ่ง ดร.สุริยา จินดาวงศ์ ได้กล่าวชื่นชม และขอรายชื่อขององค์กรคนไทยเหล่านี้ เพื่อนำเสนอไปยังกระทรวงการต่างประเทศต่อไป

จากนั้น ตัวแทนของชุมชน ได้ผลัดเปลี่ยนกันบอกเล่าถึงเรื่องราวที่คนเองประสบ รวมถึงเสนอข้อคิดเห็นต่างๆ ให้กับเอกอัครราชทูตไทยได้รับทราบ ก่อนที่การพบปะกับชุมชนไทยในแอลเอ ของเอกอัครราชทูต ดร.สุริยา จินดาวงศ์ ซึ่งกินเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงจะเสร็จสิ้นลง.