ภายใต้แรงกดดันจากรัฐบาลกลาง โดยกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ที่ต้องการลดขนาดองค์กรของรัฐบาลกลาง เพื่อลดค่าใช้จ่าย ป้องกันการสูญเสีย การฉ้อโกง และการทุจริต จนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางจำนวน "มหาศาล" ต้อง “ตกงาน” ไปแล้วนั้น ข่าวล่าสุดบอกว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซ่า ก็ได้รับผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ อย่างรุนแรงเช่นกัน

โดยนาซ่าแถลงเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2025 ว่ามีเจ้าหน้าที่เกือบ 4,000 คน หรือกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ได้สมัครเข้าโปรแกรมลาออกล่วงหน้า (Deferred Resignation Program) ซึ่งเป็นโปรแกรมของรัฐบาลกลาง ที่เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่สังกัดรัฐบาลกลาง ลาออกจากตำแหน่ง โดยยังคงรับค่าแรงและสวัสดิการต่างๆ ต่อเนื่องเป็นเวลา 8 เดือน ซึ่งโครงการที่ออกแบบมาเพื่อลดขนาดขององค์กรของรัฐบาลกลางนี้ จะหมดเขตในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้

นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ของนาซ่า อีกประมาณ 500 คนที่ลาออกตามปกติด้วย

ทั้งนี้ ข้อเสนองบประมาณจากทำเนียบขาวที่มีการเผยแพร่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เสนอให้ลดงบประมาณโดยรวมของนาซ่าลง 24 เปอร์เซ็นต์ คือลดลงจาก 24,000 ล้านดอลลาร์ เหลือ 18,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในช่วงนั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาซ่า ประมาณ 360 คนได้ร่วมลงชื่อในจดหมายคัดค้านข้อเสนองบประมาณฯ ดังกล่าว โดยเตือนว่าจะส่งผลกระทบร้ายแรง

“เราจำเป็นต้องพูด เมื่อผู้นำของเราให้ความสำคัญกับการเมืองมากกว่าความปลอดภัยของมนุษย์, ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และการใช้ทรัพยากรสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ” จดหมายคัดค้านระบุ และว่าการตัดงบประมาณโดยพลการ ถือว่าฝ่าฝืนกฎหมายงบประมาณของรัฐสภาด้วย

ทั้งนี้ ความขัดแย้งแบบรุนแรงระหว่าง อีลอน มัสก์ อดีตผู้ดูแลกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) และทรัมป์ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์การนาซ่าเช่นกัน โดยข่าวบอกว่า อีลอน มัสก์ ต้องการให้ทรัมป์แต่งตั้ง  จาเร็ด ไอแซ็คแมน คนใกล้ชิดของเขา เป็นผู้บริหารของนาซ่า แต่ทรัมป์ กลับแต่งตั้ง ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญนี้แทน.