เอพี รายงานข่าวเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2025 ว่า TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยม ได้ลงนามข้อตกลงขายธุรกิจในสหรัฐอเมริกาให้กับกลุ่มนักลงทุนสัญชาติอเมริกันสามรายคือ ออราเคิล (Oracle), ซิลเวอร์เลก (Silver Lake) และเอ็มจีเอ็กซ์ (MGX) เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการในสหรัฐฯ ต่อไปได้

เอพีระบุว่า โชว จื่อ ชิว ซีอีโอของติ๊กต็อก ระบุในบันทึกถึงพนักงานว่า ไบต์แดนซ์และติ๊กต็อกได้ลงนามในข้อตกลงที่มีผลผูกพันตามกฎหมายกับนักลงทุนทั้งสามรายแล้ว คาดว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จในวันที่ 22 มกราคม โดย

การร่วมธุรกิจในอเมริกาครั้งนี้ ข่าวบอกว่าออราเคิล ซิลเวอร์เลก และเอ็มจีเอ็กซ์ จะถือหุ้นรวมกัน 50% ขณะที่อีก 30.1% จะเป็นของบริษัทอเมริกันในเครือเดิมของไบต์แดนซ์ และไบต์แดนซ์ซึ่งมีฐานอยู่ในจีนจะยังคงถือหุ้นไว้ 19.9%

บันทึกภายในยังระบุว่า กิจการของติ๊กต็อกในสหรัฐฯ จะมีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ 7 คน (เสียงข้างมากเป็นคนอเมริกัน) โดยจะบริหารงานภายใต้เงื่อนไขที่ “คุ้มครองข้อมูลของชาวอเมริกันและความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ” เป็นหลัก

“ข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ จะถูกจัดเก็บภายในประเทศ โดยใช้ระบบที่ดูแลโดยออราเคิล” ส่วนหนึ่งของข้อตกลงระบุ

ส่วนอัลกอริทึมของติ๊กต็อก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ฟีดวิดีโอดึงดูดผู้ใช้ จะถูกนำมาฝึกใหม่โดยอาศัยข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาจะ “ปลอดจากการชักใยจากภายนอก” ขณะเดียวกัน กิจการในสหรัฐฯ จะเป็นผู้กำกับดูแลการกลั่นกรองเนื้อหาและนโยบายต่างๆ ภายในประเทศ

ข้อตกลงนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของติ๊กต็อกในสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมาหลายปีหลังจากสภาคองเกรสผ่านกฎหมายแบนติ๊กต็อกในสหรัฐฯ หากไม่สามารถหาผู้ซื้อแทนไบต์แดนซ์ได้ภายในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งในช่วงหนึ่ง แพลตฟอร์มก็เคยหยุดให้บริการชั่วคราวจริง

อย่างไรก็ตาม ในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้รณรงค์ให้แบนติ๊กต็อกมาโดยตลอด ได้เปลี่ยนท่าทีแบบฉับพลันโดยการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อให้ติ๊กต็อกเปิดให้บริการต่อไป รวมถึงได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพิ่มเติมอีกหลายฉบับ เพื่อขยายเส้นตายของติ๊กต็อกออกไปเรื่อยๆ โดยครั้งล่าสุด มีขึ้นในเดือนกันยายน ซึ่งทรัมป์ได้เปิดทางให้ติ๊กต็อกสามารถดำเนินการในสหรัฐฯ ต่อไปได้ ภายใต้กรอบที่ตอบโจทย์ด้านความมั่นคงของชาติ.