นิคกี้ มินาจ แร็ปเปอร์หญิงผิวดำวัย 43 ปีสร้างความเซอร์ไพรซ์อย่างหนักให้กับแฟนๆ ด้วยการปรากฎตัวในงานอเมริกันเฟส ขององค์กร เทิร์นนิ่งพอยท์ ที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐอริโซน่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2025 โดยพูดคุยกับ เอริก้า เคิร์ก (ภรรยาม่ายของอินฟลูเอนเซอร์ขวาจัด ชาร์ลี เคิร์ก ซึ่งถูกลอบยิงเสียชีวิตเมื่อเดือนกันยายน) 

โดยมินาจ ซึ่งเคยพูดต่อต้านพฤติกรรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งบนเวทีการแสดงและผ่านโซเชียลมีเดีย หลายครั้ง และเป็นหนึ่งในบุคคลบันเทิงที่ตกเป็นเป้าโจมตีของ ชาร์ลี เคิร์ก ว่าเป็นตัวอย่างที่เลวร้ายของเยาวชน ได้สร้างความงุนงงให้กับแฟนเพลง หลังกล่าวชื่นชมแนวคิดแบบ “ขวาจัด” โดยเฉพาะในประเด็นความหลากหลายทางเพศ รวมถึงยกย่องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าการกลับมา (สมัยสอง) คือการให้ความหวังแก่ผู้คนว่ามีโอกาสที่จะเอาชนะพวกชั่วร้ายได้เสมอ

นอกจากนี้ มินาจยังโจมตีผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เกวิน นิวซัม ในประเด็นที่เขาสนับสนุนสิทธิของกลุ่มคนข้ามเพศ, วิจารณ์วงการเพลงอเมริกันว่าปิดกั้น เป็น “โลกที่ไม่ต้องการให้เราคิด” และชื่นชม เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีที่เข้าร่วมในงานด้วยว่าเป็นบุคคลตัวอย่าง ฯลฯ

มินาจ กล่าวด้วยว่าเธอจะไม่ถอยหลังอีกต่อไป และกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนแนวคิดขวาจัดขององค์กรเทิร์นนิ่งพอยท์ ในงาน “ยืนหยัดเพื่อความเชื่อของตัวเอง” ต่อไป

แม้ไอจีของเธอจะปิดไม่ให้มีการแสดงความเห็นเอาไว้ แต่ความโกรธแค้นของแฟนเพลง รวมถึงบุคคลในวงการบันเทิงหลายคน ถูกแสดงออกโดยการเลิกติดตาม จนทำให้มินาจสูญเสียผู้ติดตามกว่าสิบล้านคนอย่างภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่เธอจะปิดบัญชีไอจีของเธอในเวลาต่อมา

ประเด็นที่ทำให้ นิคกี้ มินาจ ถูกโจมตีรุนแรงที่สุดกับการเปลี่ยนท่าทีมาสนับสนุนทรัมป์ คือความเป็นผู้อพยพที่เคยอยู่ผิดกฎหมายในอเมริกาของเธอ เพราะเธอเป็นชาวตรินิแดดและโตเบโก้ ที่หลบหนีเข้าเมืองพร้อมกับผู้ปกครองมาตอนอายุ 5 ขวบ

นอกจากนี้ มินาจเคยวิพากษ์วิจารณ์นโยบาย “การแยกครอบครัวผู้อพยพ” ของทรัมป์ ซึ่งแยกเด็กออกจากพ่อแม่ที่ถูกจับกุม ผ่านโพสต์ ไอจี เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2018 โดยเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองที่เดินทางมาอเมริกาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และว่าเธอไม่สามารถจินตนาการถึงความน่ากลัวของการที่เด็กถูกแยกจากพ่อแม่ได้ พร้อมเรียกร้องให้ทรัมป์ยุติพฤติกรรมเลวร้ายนี้โดยด่วนด้วย.