แม้ราคาอาหารที่ขึ้น “พรวดพราด” จากผลกระทบของเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอลงบ้างแล้วก็ตาม แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึกดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นราคากาแฟยามเช้าหรือสเต๊กสำหรับมื้อเย็น

ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ราคาเนื้อวัวและเนื้อลูกวัว (veal) พุ่งแรงที่สุดในปี 2025 แซงหน้าสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานอื่นๆ เช่น นม ขนมปัง หรือเนื้อไก่

ข้อมูลของรัฐบาลกลางระบุว่า ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2024 ถึงพฤศจิกายน 2025 ราคาเนื้อวัวและเนื้อลูกวัวเพิ่มขึ้นราว 11–25% ขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อ โดยเนื้อส่วน Chuck roast, round roast และ beef cut สำหรับทำสตูว์ เป็นกลุ่มเนื้อที่ราคาปรับขึ้นสูงสุด 

รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งประกาศลดภาษีนำเข้าเนื้อวัว เพื่อพยายามกดราคาลง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างอื่นๆ เช่น ภัยแล้ง อาจทำให้ราคาเนื้อยังทรงตัวในระดับสูงไปอีกหลายปี

นอกจานนี้ กาแฟซึ่งเป็นสินค้านำเข้าหลักอีกชนิดหนึ่งก็ปรับราคาพุ่งขึ้นถึง 35% ภายในปีเดียว เป็นเหตุให้รัฐบาลทรัมป์สั่งผ่อนคลายภาษีนำเข้ากาแฟเป็นการเร่งด่วนเช่นกัน

ผักสดก็เช่นกัน ผักกาดไอซ์เบิร์กมีราคาแพงขึ้นถึง 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ผักกาดโรเมน แพงขึ้น 12% ส่วนกล้วยเพิ่มขึ้นราว 7% ส่วนน้ำส้มมีราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 12% คุกกี้แพงขึ้นราว 8%

สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐระบุว่า ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของปี 2025 ยังไม่มีการเผยแพร่ เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าจะเผยแพร่ได้ในช่วงกลางเดือนมกราคม แต่ตัวเลขล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อโดยรวมอยู่ที่ 2.7% 

นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของภาครัฐ อาจคลาดเคลื่อน เพราะรายงานของเดือนตุลาคมถูกยกเลิกไปทั้งหมด ทำให้ข้อมูลบางส่วนขาดหาย จึงยากจะประเมินความน่าเชื่อถือได้เต็มที่ จะต้องรอข้อมูลเงินเฟ้อเดือนธันวาคมซึ่งกระทรวงแรงงานจะเผยแพร่ในเดือนหน้า จึงจะประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อได้ชัดเจนมากขึ้น.