แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : ร้าน “ไทยพาเลซ” ในเมืองวินด์เซอร์ ประเทศแคนาดา รับกำลังใจล้นหลาม หลังถูกทนายหัวหมอที่ปฏิเสธการใส่หน้ากากป้องกันโควิด-19 ขู่เรียกเงินสองหมื่นดอลลาร์แคนาดา ฐานปฏิเสธการให้บริการตามนโยบายรัฐ
เรื่องราวของกลุ่มคนที่ปฏิเสธการใส่หน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยอ้างสิทธิส่วนบุคคลนั้น ยังคงปรากฎเป็นข่าวให้ได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ รวมถึงเหตุที่เกิดขึ้นกับร้านอาหารไทย ชื่อ ไทยพาเลซ ในเมืองวินด์เซอร์ รัฐออนทาริโอ้ ประเทศแคนาดา ซึ่งมีคุณเรณู แอนเดอร์สัน เป็นเจ้าของร้านด้วย
โดยคุณเรณู แอนเดอร์สัน เปิดเผยกับสยามทาวน์ยูเอส ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในช่วงที่ภาครัฐได้ประกาศให้ร้านอาหารงด หรือจำกัดจำนวนลูกค้าในร้าน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงมีมาตรการปลีกย่อยต่างๆ อีกหลายอย่าง รวมถึงการขอความร่วมมือให้ใส่หน้ากากอนามัย ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการด้วย
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อมีลูกค้าชายคนหนึ่งมารับอาหารที่โทรศัพท์สั่งล่วงหน้าหน้า โดยปฏิเสธที่จะใส่หน้ากาก และก่อเหตุถกเถียงกับพนักงานในร้าน
“เด็กจะเอาหน้ากากให้เขาใส่ เขาก็ไม่ยอม อ้างว่าเป็นสิทธิของเขา ก็เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนเด็กต้องไปตามดิฉันมาคุย ดิฉันก็ถามดีๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่อยากใส่หน้ากาก เขาก็ตะโกนใส่เลยว่ามันเป็นสิทธิมนุษย์ชน จะถามหาหนังสือรับรองแพทย์ไม่ได้ ซึ่งเราไม่ได้ถามเลย ก็พยายามบอกเขาว่าเราบริหารร้านเล็กๆ แค่นี้ เราก็ต้องให้แน่ใจว่าทีมงานของเราปลอดภัย ลูกค้าคนอื่นๆ ของเราปลอดภัย”
คุณเรณู แอนเดอร์สัน เล่าด้วยว่าลูกค้าซึ่งประกาศตัวว่าเป็นทนายเริ่มใช้คำหยาบคายมากขึ้นก่อนจะเดินจากไป
ไม่กี่วันต่อมา ทางร้านก็ได้รับหนังสือจากสำนักงานทนายความ แอนตวน ดิ’อัลลี แจ้งว่าทางร้านมีพฤติกรรมเลือกปฏิบัติ และทางสำนักงานกำลังจะยื่นฟ้องทางร้านว่าละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนของออนตาริโอ้ (the Ontario Human Rights Code) อีกทั้งเรียกร้องให้ทางร้านมอบวิดีโอจากกล้องวงจรปิดทั้งในร้านและบริเวณลานจอดรถ ซึ่งอาจเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงหลักฐานการใช้โทรศัพท์ ทั้งโทรออกและโทรเข้าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ และรายชื่อของพนักงานทุกคน และแขกทุกคนที่อยู่ในร้านในเวลาเกิดเหตุด้วย
อย่างไรก็ตาม ในจดหมายของทนายความ แอนตวน ดิ’อัลลี บอกชัดเจนว่าหากทางร้านต้องการยุติเรื่องนี้ก่อนจะถึงศาล จะต้องจ่ายเงิน 20,000 ดอลลาร์แคนาดา หรือประมาณ 15,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ
“ตอนแรกก็ตกใจว่าเราจะเอาเงินที่ไหน ตั้งสองหมื่นเหรียญ จะต้องขายผัดไทยสักกี่จานเนาะ เสียความรู้สึกนิดหน่อย เพราะเราพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง แล้วยังมีคนแบบนี้เหรอ” คุณเรณู เล่า
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ได้ปรึกษากับสามี คือคุณชาร์ลส์ แอนเดอร์สัน เรื่องก็เริ่มคลี่คลาย
"สามีก็โทรไปหาเพื่อนที่เคยทำงานในสถานีวิทยุ นักข่าวเขาสนใจกันมาก มาทำข่าวกันใหญ่ ข่าวจากช่องนี้ก็จะต่อไปช่องนั่น กลายเป็นว่า ข่าวออกมาทางทีวีสองช่องพร้อมกัน วิทยุด้วย หนังสือพิมพ์ด้วย พอข่าวออกไปอย่างนั้น คนที่เขาเห็นด้วยกับการป้องกันโควิดนี่ มาให้กำลังใจกันเยอะมาก คนไม่เคยออร์เดอร์อาหารก็ออร์เดอร์มา มีผู้สูงอายุโทรมา ค่อยๆ พูดว่าถ้าฉันจะเขียนเช็คให้เธอจะให้ส่งไปที่ไหน อะไรแบบนี้”
โดยข่าวจากทุกสำนักพยายามสอบถามไปยังทนายความแอนตวน ดิ’อัลลี เพื่อขอฟังเหตุการณ์จากปากของเขา แต่ไม่ปรากฎว่าทนายความหัวหมอคนนี้ ให้สัมภาษณ์สื่อสำนักใดทั้งสิ้น
คุณเรณู แอนเดอร์สัน บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ทางร้านได้รับกำลังใจจากชาวแคนาดา ทั้งในเมืองวินด์เซอร์ หรือจากต่างเมือง ต่างรัฐ และจากอเมริกา กระทั่งบรรดานักการเมืองระดับต่างๆ ก็พาครอบครัวมาอุดหนุนและให้กำลังทางร้านด้วย
“สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ยอดขายของทางร้านกระเตื้องขึ้นอย่างมาก กลายเป็นว่ายอดขายพุ่งขึ้นมากเลย... จากที่เคยคิดว่าอาจจะต้องเลย์ออฟคนงานก็ไมต้องแล้ว... ปีนี้เวลาเสียภาษี เจ้าหน้าที่เขาคงงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น” คุณเรณู เล่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากกลายเป็นข่าวโด่งดัง ทางสำนักงานทนายความ แอนตวน ดิ’อัลลี ก็เปลี่ยนชั้นเชิงเสียใหม่
“พอเขารู้ว่าคงเรียกร้องเอาเงินจากเราไม่ได้แล้ว เพราะกลายเป็นข่าวใหญ่มาก เขาก็ส่งจดหมายมาอีกฉบับหนึ่ง เป็นของทนายความของเขา คราวนี้ไม่ฟ้องเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้ว จะเรียกค่าเสียหาย เพราะข่าวที่ออกไปมันทำให้เขาสูญเสียธุรกิจ เสียค่าน่าเชื่อถือของเขาในสังคม เพราะเขาโดนด่าหนักมาก มีคนส่งอีเมล์ไปด่า โทรศัพท์ไปด่า ซึ่งเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย คุณทำตัวคุณเองแล้วก็ได้ผลอย่างนั้น”
เกี่ยวกับคำขู่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายครั้งที่สองนี้ คุณเรณู แอนเดอร์สัน บอกว่าเธอได้ติดต่อกับทนายความในเมืองวินด์เซอร์แล้ว ทางทนายความซึ่งทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น บอกว่ายินดีดูแลคดีนี้ให้ โดยจะไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คุณเรณู แอนเดอร์สัน คิดว่าควรที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบแทนชุมชนที่ได้สนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กับเธอและทางร้าน
“ทั้งกำลังใจจากโทรศัพท์ จากอีเมล์ จากแท็กซ์ รวมถึงการมาคุยมาอุดหนุนที่ร้าน กระทั่งโรงพยาบาลหมอ พยาบาล คนทำงานฟรอนท์ไลน์ ทุกคนเลย ก็เลยคิดกันว่าจะเอารายได้ของทางร้านส่วนหนึ่ง ไปมอบให้กับโรงพยาบาล เพราะเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นมาจากโควิด ก็เลยจะตอบแทนให้ตรงจุดเลย”
นั่นเป็นเหตุให้คุณเรณู แอนเดอร์สัน และสามี เดินทางไปมอบเงินจำนวน 4,000 ดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 3,125 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้กับกองทุนโควิด-19 ของโรงพยาบาล วินด์เซอร์ รีจินัล ในเมืองวินด์เซอร์ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา
“ดิฉันอยากให้ทุกคนรับทราบว่า เรารู้สึกขอบคุณอย่างมากสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์ อีเมล์ หรือให้กำลังใจผ่านโซเชียลมีเดียของเรา ขอบคุณจริงๆ และเราขอกล่าวคำว่าเมอร์รี่คริสท์มาสกับทุกคน และเราจะผ่านโควิด-19 ไปด้วยกันค่ะ” คุณเรณู แอนเดอร์สัน กล่าว.