อเมริกาและแคลิฟอร์เนีย
ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ ไม่หนุนฉีด”บูสเตอร์”









กลุ่มนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญสองคนในสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ เอฟดีเอ ของสหรัฐฯ ร่วมกันแสดงความเห็นค้านการฉีด “วัคซีนบูสเตอร์” หรือการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดสที่ 3 สำหรับบุคคลทั่วไป 

ความเห็นคัดค้านการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์นานาชาติดังกล่าว ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ เดอะแลนซิท (The Lancet) ที่ออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 13 กันยายน อ้างอิงจากผลการทดลองที่ปรากฎว่าวัคซีนที่มีการใช้กันอยู่ มีประสิทธิภาพดีในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงสายพันธุ์เดลต้า ที่มีความรุนแรงในการแพร่ระบาดสูงด้วย

”แม้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันอาการเจ็บป่วยจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ร่างกายก็ยังคงมีระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ นอกเหนือจากแอนติบอดี ในการป้องกันโรคต่างๆ” ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญระบุ

นอกจากนี้ ยังมีระบุถึงความเสี่ยงในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ก่อนเวลาอันควร เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบด้วย

โดยความเห็นของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว ระบุในข้อสรุปว่าควรให้ความสนใจกับกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากกว่าการฉีดบูสเตอร์ให้กับประชาชน โดยให้เหตุผลว่า “แม้จะมีประชากรที่ฉีดวัควีนแล้วค่อนข้างมาก แต่กลุ่มที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ยังคงเป็นปัจจัยหลักของการแพร่เชื้อ”

ความเห็นดังกล่าว ต่อต้านกับแนวทางของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน และนักการแพทย์ระดับสูงของอเมริกา ที่กำลังจะประกาศให้ประชาชนทั่วไปเข้ารับการฉีดบูสเตอร์ (เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนสองเข็มแรกของไฟเซอร์ โดยให้ฉีดหลังจากฉีดโดส 2 ครบ 8 เดือน) ในวันที่ 20 กันยายนที่จะถึงนี้ หลังจากที่สนับสนุนให้ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเข้ารับการฉีดวัคซีนโดสที่ 3 มาตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม

ข่าวบอกว่ากลุ่มนักวิทยาศาสตร์นานาชาติที่ร่วมกันลงชื่อต่อต้านการฉีดบูสเตอร์ในบทความที่ตีพิมพ์ในเดอะแลนซิทนั้น ประกอบไปด้วยนักวิทยาศาสตร์ 16 คน จากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อาฟริกาใต้ และอินเดีย โดยนักวิทยาศาสตร์สองนายของ เอฟดีเอ ที่แสดงความเห็นคัดค้านการฉีดบูสเตอร์ดังกล่าว คือ ดร.ฟิล เคราส์ และ ดร.มาเรียน กรูเบอร์ ซึ่งเพิ่งประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งในฤดูใบไม้ร่วงนี้

อย่างไรก็ดี แม้จะไม่สนับสนุน แต่ความเห็นของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญนานาชาติก็ระบุว่า การฉีดวัคซีนบูสเตอร์แก่ประชาชนทั่วไป อาจมีความจำเป็นในอนาคต หากภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลงอีก หรือมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถหลบเลี่ยงภูมิต้านทานที่เกิดการฉีดวัคซีน.

 




นำเสนอข่าวโดย : ทีมข่าว สยามทาวน์ยูเอส,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข