แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : รัฐแคลิฟอร์เนีย ผ่านกฎหมายห้ามส่งออกขยะพลาสติกโดยปะป้ายว่า “รีไซเคิล” แล้ว หลังขยะส่วนใหญ่ถูกทิ้งกลายเป็นปัญหามลภาวะระดับโลก โดยรัฐขอรับผิดชอบขยะพลาสติกเอง ตั้งเป้า “รีไซเคิล” ขยะพลาสติกในรัฐให้ได้อย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์
รัฐสภาของรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ลงมติผ่านร่างกฎหมาย เอบี 881 ซึ่งมีเนื้อหาว่าด้วยการ “ห้าม” ส่งออกขยะพลาสติก หรือ plastic waste ไปยังประเทศต่างๆ โดยการระบุว่าเป็นสินค้าสำหรับรีไซเคิล โดยกฎหมายฉบับนี้ ผ่านความเห็นชอบจากสภาสูงเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ด้วยเสียง 37 ต่อ 0 หลังจากผ่านสภาล่าง ไปก่อนหน้านั้นด้วยเสียง 78 ต่อ 0
ข่าวบอกว่ากฎหมายที่ผ่านความเห็นขอบของรัฐสภาที่ซาคราเมนโต้แล้วฉบับนี้ อยู่ระหว่างการลงนามรับรองโดยเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย
โดยสาระของกฎหมายฉบับนี้ ระบุว่าขยะพลาสติกที่มีคุณสมบัติเป็นสินค้าส่งออกสำหรับรีไซเคิลได้นั้น จะต้องอยู่ในรูปแบบของพลาสติกธรรมดา (common forms of plastics) และจะต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการรีไซเคิลในประเทศปลายทางเท่านั้น อีกทั้งจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและมาตรฐานของประเทศนั้นๆ ด้วย
ทั้งนี้ การกำจัดขยะพลาสติกได้กลายเป็นประเด็นร้อน หลังจากบรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อสภาวะแวดล้อมและนักวิทยาศาสตร์ ได้ออกมาชี้ให้เห็นอันตรายของพลาสติกปริมาณมหาศาล ที่มีการเก็บขึ้นมาจากแหล่งน้ำทั่วโลก โดยรัฐบาลจีนได้ทำการแบนการนำเข้าขยะพลาสติกตั้งแต่ปี 2017 ถือเป็นการ “ปิดประตู” แหล่งส่งออกพลาสติกที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้น และทำให้ขยะพลาสติกจากอเมริกา ถูกนำเข้าโดยประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยมากขึ้น
ข้อมูลจากเว็บไซต์บีบีซีไทย (7 ตุลาคม 2020) ระบุว่าหลังจากประเทศจีนประกาสแบนขยะพลาสติกนำเข้า ทำให้เกิดเหตุการณ์ขยะพลาสติกหลั่งไหลเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า คือจาก 69,500 ตัน เป็นกว่า 552,912 ตัน และยังพบการลักลอบนำเข้าขยะอย่างผิดกฎหมายอีกจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลไทยประกาศให้ปัญหาขยะเป็นวาระแห่งชาติเมื่อปี 2018 พร้อมกับกำหนดให้ประเทศไทยยกเลิกการนำเข้าขยะหรือเศษพลาสติกและซากอิเล็กทรอนิกส์ 100 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2020
โดยก่อนหน้าที่ไทยจะเริ่มแบนขยะพลาสติกนั้น ข่าวบอกว่ามาเลเซียได้เริ่มเข้มงวดกับการนำเข้าขยะพลาสติกตั้งแต่ปี 2018 โดยการตั้งกำแพงภาษีด้วย ขณะที่เกาหลีใต้เริ่มใช้มาตรการคล้ายๆ กันในปี 2020 เช่นกัน
ข่าวบอกว่าอันตรายร้ายแรงของขยะพลาสติกต่อสภาพแวดล้อมคือสิ่งที่เรียกว่า ไมโครพลาสติก (Microplastics) หรืออนุภาคพลาสติกขยายเล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เกิดขึ้นจากการย่อยสลายหรือแตกหักของขยะพลาสติกขนาดใหญ่ ถือเป็นอันตรายร้ายแรงต่อระบบนิเวศ โดยปัจจุบันมีการตรวจพบไมโครพลาสติกในปลา และสัตว์ชนิดต่างๆ รวมถึงในร่างกายของมนุษย์ด้วย
ขณะขยะพลาสติกขนาดใหญ่ ที่ได้กลายเป็นปัญหาของสภาพแวดล้อมมานานหลายสิบปี จนเกิดการสะสมของขยะพลาสติกปริมาณมหาศาลในมหาสมุทรหลายแห่ง รวมถึงมีแพขยะขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Great Pacific Garbage Patch กระจายอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก โดยข่าวบอกว่าแพขยะดังกล่าว มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของรัฐเท็กซัสเลยทีเดียว
ไม่นานมานี้ ได้เกิดกระแส “แบน” ผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว หรือ single-use plastics เช่นถุงพลาสติก หลอดดูดพลาสติก ฯลฯ เกิดขึ้นทั่วโลก หลังจากกลุ่มนักนิเวศวิทยา ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ช่วยเหลือเต่าทะเล ที่มีหลอดดูดพลาสติกแทงเข้าไปในจมูก ออกเผยแพร่
ในส่วนของรัฐแคลิฟอร์เนียนั้น รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้เมื่อปี 2020 ว่าจะทำการรีไซเคิลขยะพลาสติกให้ได้ 75 เปอร์เซ็นต์ แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญไม่เชื่อว่ารัฐจะทำได้สำเร็จ เพราะการรีไซเคิลพลาสติกนั้น สามารถทำได้กับขยะพลาสติกเพียงบางชนิดที่ทนทานต่อกระบวนการรีไซเคิลเท่านั้น
โดยข่าวบอกว่า ภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าว ทำให้ขยะพลาสติกในสหรัฐฯ เพียงไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ผ่านเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ขณะที่ส่วนใหญ่ คือ 75 เปอร์เซ็นต์ ถูกนำไปทิ้งที่จุดกลบฝัง (landfill) และอีกบางส่วนถูกทิ้งและกลายเป็นขยะในทะเลในที่สุด.