สเตฟาน บันเซล ผู้บริหารของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ให้สัมภาษณ์ ไฟแนนเชียล ไทมส์ ฉบับวันที่ 30 พฤศจิกายน ว่า วัคซีนของโมเดอร์น่า ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน จะมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งมีการกลายพันธุ์ในส่วนของสไปค์โปรตีน (Spike Protein) สูงมาก และอาจจะต้องใช้เวลานานหลายเดือนก่อนที่จะพัฒนาวัคซีนให้มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ได้
"ผมคิดว่าประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะไม่เท่ากับสายพันธุ์เดลตา ผมคิดว่าประสิทธิภาพจะลดลง ผมไม่รู้ว่าจะลดลงมากเพียงใด เพราะเราต้องรอข้อมูล แต่นักวิทยาศาสตร์ทุกคนที่ผมได้พูดคุยด้วยนั้นต่างก็ประเมินว่า ประสิทธิภาพจะไม่ดีนัก" สเตฟาน บันเซลกล่าว
การแสดงความเห็นของซีอีโอโมเดอร์นา ครั้งนี้ ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ทรุดตัวลงกว่า 600 จุดในทันที
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้ประกาศเพิ่มคำแนะนำให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ทุกคน เข้ารับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์
"สายพันธุ์โอไมครอน (B.1.1.529) ที่ปรากฏขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน วัคซีนเข็มบูสเตอร์ และมาตรการที่จำเป็นในการป้องกันไวรัสโควิด-19” ประกาศของ ซีดีซี ระบุ
โดยซีดีซี ประกาศอนุมัติให้ประชากรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกคน สามารถเข้ารับการวัคซีนเข็มบูสเตอร์ได้ หลังจากได้รับวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาเข็มที่สองแล้วอย่างน้อย 6 เดือน หรือหลังจากได้รับวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เข็มแรกแล้วอย่างน้อย 2 เดือน.