ซีเอ็นเอ็น รายงานเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2024 ว่าบริษัท เซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้ง บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ที่เป็นบริษัทแม่ของ เซเว่น-อีเลเว่น แถลงว่ามีแผนที่จะปิดสาขาของ 7-อีเลเว่น 444 แห่งทั่วภูมิภาคอเมริกาเหนือ เนื่องจากผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้า ทั้งยอดขาย, ปริมาณลูกค้า อันเนื่องจากแรงกดดันจากสภาวะเงินเฟ้อ ฯลฯ รวมถึงยอดขายบุหรี่ลดลง

ปัจจุบันนี้ เซเว่น-อีเลเว่น มีสาขามากกว่า 13,000 แห่งทั่วอเมริกา แคนาดา และแม็กซิโก แต่ขณะนี้ ยังไม่มีการประกาศว่า จะมีการปิดเซเว่น-อีเลเว่น สาขาใดบ้าง

เซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้ง บอกด้วยว่าโดยภาพรวมแล้ว รายได้ของเซเว่น-อีเลเว่น ในสหรัฐฯ ยังคงไปได้สวย แต่ปัญหาที่ทำให้บางสาขามีผลประกอบการแย่ลง มาจากหลายสาเหตุ เช่นครอบครัวที่มีรายได้ปานกลางถึงต่ำ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญของเซเว่น-อีเลเว่น มีรายได้ลดลงเพราะสภาะเงินเฟ้อที่ต่อเนื่องมานานหลายเดือน, อัตราดอกเบี้ยสูง ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ คือปัจจัยทำให้ยอดขายเดือนสิงหาคมของเซเว่น-อีเลเว่น ลดลง 7.3 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นตัวเลขที่ลดลงต่อเนื่องกันหกเดือน

เซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้ง บอกด้วยว่า ยอดขายบุหรี่ ซึ่งเคยเป็นสินค้าขายดีที่สุดของร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ลดลงถึง 26 เปอร์เซ็นต์นับจากปี 2019 ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มีการพิจารณาปิดสาขาบางส่วน โดยบอกว่าที่ผ่านมา ความพยายามผลักดันสินค้านิโคตินตัวใหม่ (ถุงนิโคติน Zyn) ของเซเว่น-อีเลเว่น ไม่ประสบความสำเร็จเลย

อย่างไรก็ดี การปิดสาขาถึง 444 แห่งของเซเว่น-อีเลเว่น ครั้งนี้ บริษัทแม่ฯ บอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโต (growth strategy) เท่านั้น โดยย้ำว่าจะมีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในบริเวณที่ผู้บริโภคยังต้องการร้านสะดวกซื้อ อยู่

นอกจากนี้ เซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้ง ยังย้ำด้วยว่า จะลงทุนด้านอาหาร สำหรับจำหน่ายในร้านเซเว่น-อีเลเว่น ทั่วอเมริกาต่อไป เพราะปัจจุบันนี้ สินค้าอาหารคือหมวดสินค้าที่มียอดขายสูงสุดและเป็นที่สนใจของผู้บริโภคมากในภูมิภาคนี้มากที่สุด.