ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือซีดีซี แถลงเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2024 ว่ามีผู้ป่วยจากเชื้ออีโคไล อย่างน้อย 49 คน ที่มีอาการหลังจากรับประทานแฮมเบอร์เกอร์ของแม็กโดนัลด์ (McDonald’s Quarter Pounders) โดยมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้นต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล 10 ราย

โดยผู้ติดเชื้อ 27 (รวมถึงผู้ที่เสียชีวิต) อยู่ในโคโลราโด้, อีก 9 รายอยู่ในรัฐเนบราสก้า ที่เหลือกระจายอยู่ในรัฐต่างๆ อีกแปดรัฐ

ขณะนี้ ซีดีซี ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเชื้ออีโคไล ปนเปื้อนอยู่ในส่วนผสมใดของแฮมเบอร์เกอร์ดังกล่าวแต่ แม็กโดนัลด์ แถลงว่าได้เลิกขายแฮมเบอร์เกอร์ Quarter Pounders ในรัฐที่มีการระบาดของอีโคไล รวมถึงเลิกใช้วัตถุดิบสองอย่าง คือหัวหอมหั่นและเนื้อสับก้อนขนาด 1/4 ปอนด์ (quarter pound beef patties) ด้วย

ทั้งนี้ อีโคไล คือแบคทีเรียที่พบได้ในลำไส้ของคนและสัตว์ เข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ อาจก่อให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือมีไข้ ซึ่งอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายเป็นปกติได้เองภายใน 5-7 วัน แต่ในบางกรณี ผู้ได้รับเชื้ออาจมีอาการรุนแรง เช่น อุจจาระมีเลือดปน มีภาวะขาดน้ำ หรือไตวาย หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้

ข่าวบอกว่าราคาหุ้นแมคโดนัลด์ ร่วงลงประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์ ในการซื้อขายหลังปิดตลาดนิวยอร์กในวันที่ 22 ตุลาคม หลังจากที่ซีดีซี แถลงข่าวนี้

ต่อมาในวันที่ 24 ตุลาคม ข่าวบอกว่า อีริค สตีลลี่ หนึ่งในผู้ป่วยจากเชื้ออีโคไลหลังรับประทานแฮมเบอร์เกอร์ของแม็กโดนัลด์ ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับแม็กโดนัลด์ ต่อศาลของคุ๊ก เคาน์ตี้ รัฐอิลลินอยส์ โดยบอกว่าเขารับประทานแฮมเบอร์เกอร์ ควอเตอร์พาวน์เดอร์ ของแม็กโดนัลด์ ในเมืองกรีลีย์ รัฐโคโลราโด้ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม และล้มป่วยด้วยอาการปวดเกร็งที่หน้าท้องและท้องเสียอย่างหนักในอีกสองวันต่อมา และเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม

โดยนอกจากจะเรียกร้องค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลแล้ว อีริค สตีลลี่ ระบุในคำฟ้องด้วยว่า เขาต้องการให้แม็กโดนัลด์ และบรรดาซัพพลายเออร์ ทั้งหลาย ลงมือแก้ไขปัญหาและยุติการละเมิดกฎระเบียบทางด้านสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคทั่วประเทศอย่างจริงจังด้วย.