โดย : ทีมข่าวสยามทาวน์ยูเอส

โดยการพิจารณาเมื่อวันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2023 นั้น ตัวแทนของกระทรวงยุติธรรม เข้าให้การในศาล โดยยืนยันว่าอัยการสูงสุด แพม บอนได มีอำนาจเต็มในการพิจารณายกเลิกสิทธิการอยู่ในประเทศแบบถูกต้องของผู้ถือใบเขียวได้ตลอดเวลา ไม่ต้องผ่านกระบวนการศาล ไม่ว่าบุคคลที่รัฐบาลไม่ต้องการนั้นจะถือใบเขียวมานานเท่าไหร่ก็ตาม

หากคดีนี้จบลงโดยศาลอุทธรณ์ยืนยันเข้าข้างโจทก์ คดีนี้ก็น่าจะเป็น “คดีตัวอย่าง” ที่ให้อำนาจกับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเพิกถอนใบเขียวของบุคคลที่ “ไม่พึงประสงค์” ได้แบบตามใจฉัน ได้อีกมากมายในอนาคต

:-ต้นเรื่อง

ต้นเรื่องจริงๆ ของเรื่องนี้ คือ โมฮัมหมัด กาทานานี (Mohammad Qatanani) ชาวปาเลสไตน์ที่พาครอบครัวอพยพมาอยู่นิวเจอร์ซี่ตั้งแต่ปี 1996 โดยเขาเป็นอิหม่ามประจำมัสยิดเมืองแพทเตอร์สัน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในนิวเจอร์ซี่ ด้วย

โมฮัมหมัด กาทานานี ยื่นขอใบเขียวมาตั้งแต่ปี 1999 แต่มาถูกปฏิเสธ และถูกทำเรื่องเนรเทศในปี 2006 หลังจากรัฐบาล โดยกระทรวงความมั่นคงภายในสืบทราบว่าเขาเคยถูกรัฐบาลอิสราเอลควบคุมตัวในเวสท์แบงก์ เมื่อปี 1993 แถมยอมสารภาพด้วยว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่อิหม่ามกาทานานี ยืนกรานปฏิเสธในศาลอิมมิเกรชั่น อ้างว่าคำสารภาพนั้นเป็นเพราะถูกทรมานระหว่างกักกัน

ข่าวบอกว่าศาลอิมมิเกรชั่นตัดสินเข้าข้างอิหม่าม และสั่งให้เขาได้รับใบเขียวเขาถึงสองครั้ง ครั้งที่สองในปี 2020 แต่อิหม่ามได้ใบเขียวไม่ถึงปี ก็โดนคณะกรรมการอุทธรณ์ของอิมมิเกรชั่น ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเซอร์กิตที่สาม เพื่อยกเลิกใบเขียวและเนรเทศอิหม่ามกาทานานีอีก ซึ่งคดีกำลังอยู่ระหว่างการฟังความ หรือ เฮียริ่ง ในช่วงนี้

:-อัยการสูงสุด มีสิทธิยกเลิกใบเขียวได้ตลอดเวลา

โดยระหว่างการเฮียริ่งเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมานั้น อัยการของกระทรวงยุติธรรม ชื่อลินซี เมอร์ฟีย์ ให้การต่อศาลว่าคำตัดสินของศาลอิมมิเกรชัน ที่เข้าข้างอิหม่าม กาทานานี นั้นไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด เพราะยังข้ามบางขั้นตอน เช่นการออกหมายเลขวีซ่าและอัพเดทข้อมูลชีวภาพ (updating biometric data) อีกทั้งยืนยันว่าคณะกรรมการอุทธรณ์ของอิมมิเกรชั่น (the Board of Immigration Appeals) มีอำนาจเต็มในการทบทวน หรือ reopen การพิารณาให้ใบเขียว ได้ตลอดเวลา

ผู้พิพากษาศาลเซอร์กิตที่ 3 คือ อริอาน่า ฟรีแมน เป็นผู้พิพากษาที่มาจากการแต่งตั้งของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถามอัยการ ลินซี เมอร์ฟีย์ ว่า “การทบทวนใบเขียวนั้น ทำได้แม้ว่าจะผ่านไป 10 หรือ 20 ปีแล้วอย่างนั้นหรือ”

“ระเบียบไม่ได้มีระยะเวลากำหนดเอาไว้ ดังนั้น ใช่ค่ะ” เมอร์ฟีย์กล่าว

ขณะนี้ ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือใบเขียวทั้งหมด จะลงเอยอย่างไร แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ให้ความเห็นเหมือนๆ กันว่ารัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงยุติธรรมหรือกระทรวงความมั่นคงภายใน ไม่มีสิทธิ์ในการยกเลิกใบเขียว อย่างที่อัยการ ลินซี เมอร์ฟีย์ อ้าง

“กฎหมายอิมมิเกรชั่นและสัญชาติ (the Immigration and Nationality Act) บอกชัดเจน กระทรวงความมั่นคงภายใน ไม่สามารถใช้อำนาจฝ่ายเดียวในการเพิกถอนสถานภาพการอยู่ในประเทศแบบถาวรได้” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อมีเลีย วิลสัน แห่งมหาวิทยาลัยเพซ (Elisabeth Haub School of Law at Pace University) กล่าว

ผ.ศ.อมีเลีย วิลสัน บอกด้วยว่าการขอเพิกถอนใบเขียว จะต้องทำตามกระบวนการของกฎหมาย เริ่มจากการออกหนังสือเรียกคืน (Notice of Intent to Rescind) โดยให้โอกาสกับบุคคลในการให้การต่อหน้าผู้พิพากษาศาลอิมมิเกรชั่นด้วย

“ระหว่างการพิจารณา มันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการจัดหาหลักฐานที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ และน่าเชื่อถือว่าผู้มีสิทธิ์อยู่อย่างถาวร สมควรถูกยกเลิกสถานภาพ และจากนั้น มีเพียงผู้พิพากษาศาลอิมมิเกรชั่นแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่สามารถตัดสินว่าควรยึดใบเขียวของบุคคลนั้นๆ หรือไม่” ผ.ศ.อมีเลีย วิลสัน กล่าว

ด้านผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานกฎหมาย Spar Bernstein บอกว่าสิ่งที่คณะทำงานขอทรัมป์ พยายามนำเสนอต่อหน้าผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น ไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็นความพยายามนำกฎหมายกรีนคาร์ดมาตีความใหม่ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่จะมีผลต่อสิทธิตามกฎหมายของผู้มีสิทธิ์อยู่ในประเทศอย่างถาวรอย่างรุนแรง

:-จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า...

หากศาลอุทธรณ์เซอร์กิตที่สาม เห็นด้วยกับรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ นอกจากตัวต้นเรื่อง คืออิหม่าม โมฮัมหมัด กาทานานี จะเดือดร้อนแล้ว คดีนี้ยังจะกลายเป็น “คดีตัวอย่าง” ที่รัฐบาลใช้อ้างอิงได้ในอนาคต หากต้องการยึดใบเขียวของบุคคลที่ไม่พึงใจขึ้นมาอีก

แม้ว่าคำตัดสินนี้ โดยหลักแล้วจะมีผลบังคับใช้อยู่ในเขตปกครองของศาลเซอร์กิตที่สาม คือในเพ็นซิลเวเนีย, นิวเจอร์ซี่ และเดลาแวร์ ก็ตาม แต่ผลการตัดสินคดีที่เป็น “ครั้งแรกในประวัติศาสตร์” แบบนี้ (และในยุคนี้) ก็น่าจะก่อให้เกิดวงกระเพื่อมออกไปทั่วประเทศได้ไม่ยากนัก

และที่สำคัญ หากคดีถึงชั้นศาลสูงสุด หรือ Supreme Court ซึ่งทราบกันดีว่าเสียงส่วนใหญ่ของคณะผู้พิพากาษา (หกในเก้า) เป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม โอกาสที่คำตัดสินจะเข้าข้างรัฐบาลทรัมป์ มีสูงมาก และหากถึงขั้นนั้น เกรงกันว่าจะส่งผลกระทบกับกระบวนการพิจารณา (ให้หรือไม่ให้) ใบเขียวต้องเปลี่ยนไปจากขนบเดิมอย่างแน่นอน...

:-ล้อมกรอบ

ข้อแนะนำที่น่าจะดีที่สุดสำหรับพวกเราคนไทยที่ถือใบเขียวมาครบห้าปี (หรือสามปีในกรณีได้ใบเขียวจากการแต่งงาน) ก็ควรจะยื่นเรื่องขอเปลี่ยนสัญชาติเสีย อย่ามัวแต่รีรอผลัดวันประกันพรุ่งต่อไป โดยขณะนี้  ทนายความคนไทยของศูนย์ส่งเสริมชาวไทย กำลังให้บริการช่วยกรอกใบสมัครเปลี่ยนสัญชาติโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สัปดาห์ละสองวัน คือวันจันทร์และพฤหัสฯ ที่ห้องสมุดเมืองพาคอยม่า และห้องสมุดในย่านโคเรียนทาวน์ สนใจนัดหมายได้ที่ lapl.org/newamericans หรือโทรศัพท์หมายเลข 323-468-2555.