นักเรียนจีน 50,000 คนในแคลิฟอร์เนีย “เสี่ยง”ถูกยกเลิกวีซ่า
แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : “มาร์โก้ รูบิโอ้” รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทรัมป์ ประเมินว่านักศึกษาจีนประมาณ 50,000 คน ในแคลิฟอร์เนีย กำลัง “เสี่ยง” ต่อการถูกเพิกถอนวีซ่าในอนาคตอันใกล้
หลังจากที่ มาร์โก้ รูบิโอ้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงนโยบายเมื่อวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2025 ว่ากระทรวงฯ จะใช้นโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน ไม่ใช่จีน” (putting America first, not China) อันเป็นนโยบายที่เป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างสองประเทศที่ระอุขึ้นทันทีหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา
มาร์โก้ รูบิโอ้ บอกว่าเฉพาะแคลิฟอร์เนียเพียงรัฐเดียว มีนักศึกษาจีนประมาณ 50,000 คนกำลังศึกษาอยู่ทั้งในสถาบันระดับคอลเลจและยูนิเวอร์ซิตี้ และว่าเฉพาะระบบมหาวิทยาลัยแห่งรัฐ (California State University) ซึ่งมี 23 แคมปัสนั้น มีนักศึกษาจีนที่เข้าเรียนในช่วงปลายปี 2024 เกือบ 2,300 คน
โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทรัมป์ ย้ำว่านักศึกษาจีน ทั้งจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และจากฮ่องกง กำลังเสี่ยงต่อการถูกเพิกถอนวีซ่า แต่ไม่ได้ระบุถึงกรอบเวลา หรือระบุให้ชัดเจนถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยบอกเพียงว่า “พวกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน หรือกำเรียนสาขาที่น่าเป็นห่วง (critical fields) ทั้งในแง่ของการถ่ายโอนเทคโนโลยีและความมั่นคง
ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กล่าวว่านักศึกษาจีนกำลังเอาเปรียบมหาวิทยาลัยของอเมริกา และปิดโอกาสของเด็กอเมริกัน ไม่ให้เข้าเรียนในสถาบันดีๆ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่เขาต้องผลักดันนโยบายที่เรียกว่า อเมริกาต้องมาก่อน ไม่ใช่จีน
และเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา ข่าวฟ็อกซ์ 5 ของซานดิเอโก้ รายงานว่ามหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขต ซานดิเอโก้ (ยูซี ซานดิเอโก้) จะเป็นหนึ่งในสถาบันที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงจากนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศ เพราะมีนักศึกษานานาชาติเกือบ 18 เปอร์เซ็นต์ และส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจีน
ข่าวอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ กูราฟ คานนา ร.ศ.ด้านเศรษฐศาสตร์ของยูซี ซานดิเอโก้ ซึ่งเป็นเจ้าของงานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของนักศึกษาต่างชาติในอเมริกาจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์
“พวกเขาคือแหล่งรายได้สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมหาวิทยาลัยเอกชน เพราะจ่ายค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน เพื่อชดเชยค่าเล่าเรียนของคนท้องถิ่น ที่สถาบันเรียกเก็บต่ำกว่า” ร.ศ.คานนา กล่าว และว่า “พวกเขาทำให้นักเรียนท้องถิ่นเสียค่าเรียนถูกลง”
ร.ศ.คานนา บอกด้วยว่าผลการศึกษาของเขาแสดงให้เห็นชัดเจนว่า นักศึกษาต่างชาติเหล่านี้ คือตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
“พวกเขาซื้อรถยนต์ เช่าอพาร์ทเมนท์ ซึ่งนั่นคือการช่วยเศรษฐกิจในท้องถิ่นรอบๆ เมืองมหาวิทยาลัยนี้ และเมื่อเรียนจบ พวกเขาสร้างผลกระทบค่อนข้างใหญ่กับเศรษฐกิจของอเมริกา เพราะส่วนหนึ่งจะเข้าไปทำงานในอุตสาหกรรมไฮเทค และ STEM (วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรม และคณิตศาสตรต์) ซึ่งทำให้เกิดนวัตกรรมขึ้น”
ฟ็อกซ์บอกด้วยว่า แนวคิดของ ร.ศ.คานนา สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของ CalMatters ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่ทำงานเกี่ยวกับการเมืองและนโยบายของแคลิฟอร์เนีย โดย CalMatters ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับผลกระทบรุนแรง ที่แคลิฟอร์เนียจะได้รับ หากเกิดการเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีนจริงๆ ไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ร.ศ.คานนา บอกด้วยว่าขณะนี้ นักศึกษาจีน ในยูซีเอสดี กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน และเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเครียดมาก
“ลองคิดดู คุณเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่อยู่ๆ ก็มีคนบอกว่าคุณเรียนที่นี่ไม่ได้แล้ว อยู่ในประเทศนี้ไม่ได้แล้ว มันคือการเปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตเลยนะ พวกเขาอาจต้องหาที่เรียนใหม่ อาจจะกลับประเทศตัวเอง หรือมองหาจุดหมายอื่น เช่นแคนาดา, ยูเค หรือออสเตรเลีย”
นโยบายอเมริกันต้องมาก่อนของทรัมป์ ไม่ได้หมายความว่านักศึกษาจีนทุกคนจะถูกเพิกถอนวีซ่าและไล่กลับประเทศ แต่หมายความว่าทุกคนจะต้องเผชิญกับการตรวจประวัติแบบละเอียดและเข้มงวดมากขึ้น
“พวกเขาจะถูกตรวจโซเชียลมีเดีย หรืออะไรแบบนั้น และจะเริ่มเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือสถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทหารในจีน”
ทั้งนี้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่าน นักศึกษาต่างชาติหลายพันคนถูกยกเลิกวีซ่าจากเหตุผลหลากหลาย เช่นเข้าร่วมการชุมนุมแสดงความคิด, ทำผิดกฎจราจร หรือทำผิดข้อหาเล็กน้อยอื่นๆ ขณะที่อีกหลายคนถูกยกเลิกวีซ่าโดยไม่ทราบเหตุผล
และตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ ได้สั่งการให้สถานทูตอเมริกันทั่วโลก ระงับการสัมภาษณ์ผู้ยื่นขอวีซ่านักเรียน โดยไม่มีกำหนด.
มาร์โก้ รูบิโอ้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ
|
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส