ฟ็อกซ์นิวส์ สถานีข่าวแนวอนุรักษ์นิยมที่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรและสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มากที่สุด ได้เสนอผลการสำรวจความเห็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งฉบับล่าสุด ที่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับทรัมป์อย่างรุนแรง

ผลสำรวจเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันของฟ็อกซ์ พบว่า 76% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าเศรษฐกิจของประเทศ “ไม่ดี” หรือ “แย่” มีเพียง 25% เท่านั้นที่มองว่า “ดีเยี่ยม” หรือ “ดี” 

เมื่อถามถึงสถานะการเงินส่วนตัว 60% กล่าวว่า “ไม่ดี” หรือ “แย่” และ 40% กล่าวว่า “ดีเยี่ยม” หรือ “ดี”

และที่สำคัญ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนใหญ่ (62%) มองว่าทรัมป์ต้องรับผิดชอบต่อสภาพเศรษฐกิจ ขณะที่มีเพียง 32% มองว่าอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนต้องรับผิดชอบ

อย่างก็ตาม เมื่อแยกผลสำรวจตามพรรคการเมือง พบว่าผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันกว่าครึ่ง คือ 53% ยังคงมองว่าไบเดนต้องรับผิดชอบ อีก 42% มองว่าทรัมป์ต้องรับผิดชอบ ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต 81% มองว่าทรัมป์ต้องรับผิดชอบ มีเพียง 15% มองว่าไบเดนต้องรับผิดชอบ 

ส่วนกลุ่มอิสระ 62% มองว่าทรัมป์ต้องรับผิดชอบกับปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองในเวลานี้ และ 29% มองว่าไบเดนต้องรับผิดชอบ 

เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์นั้น 46% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่านโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย ขณะที่ 15% มองว่าช่วยเศรษฐกิจ และ 39% มองว่านโยบายของทรัมป์ ไม่มีผลกระทบใดๆ

นโยบายเศรษฐกิจที่เป็น “ลายเซ็น” ของทรัมป์คือการเก็บภาษีตอบโต้ (tariffs) กับสินค้านำเข้าจากคู่ค้าทั่วโลก ซึ่งทรัมป์เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ของประเทศ และปรับดุลการค้ากับต่างประเทศนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ คือ 63% ไม่เห็นด้วย

เสียงข้างมากของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ยังไม่เห็นด้วยกับนโยบายของทรัมป์อีกหลายเรื่อง เช่น อิมมิเกรชั่น  (53% ไม่เห็นด้วย), นโยบายต่างประเทศ (55% ไม่เห็นด้วย), เศรษฐกิจ (61% ไม่เห็นด้วย) และระบบสาธารณสุข (64% ไม่เห็นด้วย)

มีเพียงเรื่องความมั่นคงชายแดน (border security) เพียงเรื่องเดียว ที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนใหญ่ (53%) เห็นด้วยกับการจัดการของทรัมป์

คะแนนนิยมรวม หรือ approval rating ของประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ 41% ลดลงค่อนข้างมากจากการสำรวจของฟ็อกซ์เมื่อเดือนกันยายน (46%) โดยคะแนนนิยมจากโพลล่าสุดนี้ ถือว่าต่ำสุดในรอบเกือบปีของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยสองของทรัมป์

ผลสำรวจของฟ็อกซ์นิวส์ ครั้งนี้ เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 14–17 พฤศจิกายน จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ลงทะเบียนจำนวน 1,005 คน โดยมีค่าความคลาดเคลื่อน ±3%.