ผลสำรวจล่าสุดของเอ็นบีซีนิวส์ นำเสนอเมื่อต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา พบว่าชาวอเมริกันผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเกือบสองในสาม มองว่าปริญญาสี่ปี ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย

ผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 33% เท่านั้น ที่เห็นว่าปริญญาสี่ปี “คุ้มค่า” เพราะช่วยให้มีโอกาสได้งานดีรายได้สูงในระยะยาว ขณะที่ 63% เห็นว่าปริญญาไม่คุ้มค่า เพราะนักศึกษามักจบการศึกษาโดยไม่ได้ทักษะเฉพาะสำหรับงาน และต้องแบกรับหนี้ก้อนใหญ่หลังเรียนจบ

ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวนมากชี้ว่าต้นทุนที่สูงขึ้นคือเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาเห็นคุณค่าของปริญญาสี่ปีลดลง

ผลสำรวจล่าสุด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับผลสำรวจปี 2017 ที่ออกมาใกล้เคียง คือ 49% มองว่าการลงทุนเงินและเวลาสี่ปีกับปริญญาบัตรนั้นคุ้มค่า อีก 47% มองว่าไม่คุ้มค่า ขณะที่ผลสำรวจอีกฉบับของ ซีเอ็นบีซี เมื่อปี 2013 พบว่า 53% มองว่าคุ้มค่า และ 40% ไม่คุ้มค่า

แม้กระทั่งผู้ทีสำเร็จปริญญาแล้ว มีเพียง 46% เท่านั้นที่เห็นว่าการทุ่มเทตลอดสี่ปีที่ผ่านมานั้นคุ้มค่า ลดลงจาก 63% ในปี 2013 ส่วนผู้ไม่มีปริญญานั้น  71% เห็นว่าปริญญาไม่คุ้มค่า และ 26% เห็นว่าคุ้มค่า

การเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นพร้อมกับหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อทั้งตลาดแรงงานและการศึกษา เช่นค่าธรรมเนียมมหาวิทยาลัยที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสมัยใหม่ รวมถึงความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ ที่อาจทำให้หลักสูตรสี่ปีในมหาวิทยาลัยปรับตัวตามไม่ทัน

ข้อมูลจาก College Board (องค์กรไม่แสวงหากำไรทำหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษา โดยเฉพาะการจัดการสอบมาตรฐานและข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาระดับอุดมศึกษา) ระบุว่าค่าเทอมเฉลี่ยของมหาวิทยาลัยสี่ปีของรัฐ (สำหรับนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาในรัฐ) สูงขึ้นเป็นสองเท่าตั้งแต่ปี 1995 ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชนสูงขึ้น 75%

กระนั้นก็ดี ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานแห่งชาติ ระบุว่าผู้ที่มีปริญญาขั้นสูงมีรายได้สูงกว่าและอัตราการว่างงานต่ำกว่าผู้ที่มีการศึกษาน้อยกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นจริงมานาน

ผลสำรวจของเอ็นบีซีนิวส์ ฉบับนี้ เป็นการสำรวจความเห็นทางโทรศัพท์และออนไลน์จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,000 คน ระหว่างวันที่ 24–28 ตุลาคม 2025  มีค่าเบี่ยงเบน ±3.1 คะแนน.