หนังเรื่อง ขุนพันธ์ ดัดแปลงจากเค้าโครงเต็มเรื่องจริงของ พลตำรวจตรี
ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ผ่านการปราบโจรผู้ร้ายมาอย่างโชกโชน
จนได้รับสมญานามเป็นที่กล่าวขวัญ จากเด็กชายธรรมดาชาวท่าศาลา นครศรีธรรมราช
สู่การเป็นนายตำรวจฝีมือดี ด้วยการจับโจรผู้ร้ายที่โหดเหี้ยมอำมหิต
มาลงโทษได้ตามกฏหมายบ้านเมือง สหมงคลฟิล์มได้ตั้งธงการสร้างดูหนังอิงอัตชีวประวัติ
พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นดูหนังฟอร์มยักษ์ ในปี 2559 โดยได้นักแสดงนำชายสุดหล่อฝีมือดี อย่างอนันดา เอเวอริ่งแฮม รับบท ขุนพันธ์
นายตำรวจมากฝีมือเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถมากเท่าที่ตำรวจมีและคาถาอาคม และ น้อย
วงพรู หรือ กฤษฎา แคลป์ป สุโกศล รับบทเป็นโจรร้ายคู่ปรับเบอร์หนึ่งของขุนพันธ์
มาประชันบทบาทการแสดงอันเข้มข้น รวมทั้งฉากต่อสู้แอ็คชั่นอันน่าตื่นเต้นไปในคราวเดียวกัน
ในการถ่ายทอดเนื้อหาในแง่มุมต่างๆ ที่มาที่ไปของตำนานขุนพันธรักษ์ราชเดช
เกียรติประวัติ ความกล้าหาญ การเป็นแบบอย่างที่ดีต่อตำรวจรุ่นหลัง
จนได้รับฉายายนามว่าเป็นนายตำรวจหนังเหนียวแห่งยุค และอีกมากมาย ความเป็นมาที่มีความยาวนานเกือบร้อยปี
ในส่วนของโปรดักชั่นและการกำกับทางค่ายใบโพธิ์ได้มอบหมายให้ ก้องเกียรติ โขมศิริ
ผู้กำกับมากความสามารถ คุมงานการกำกับการแสดง
นายตำรวจหนุ่มจากนครศรีธรรมราช ผู้ยึดมั่นในการทำความดี
เพราะสิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่พอให้ยึดเหนี่ยวได้
ในยามบ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนและประชาชนผู้บริสุทธิ์กำลังเดือดร้อนจากโจรร้าย
ที่ปล้นสะดมและคร่าชีวิตชาวบ้านอย่างเลือดเย็น ด้วยการดำรงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของตำรวจผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจต่อการทำหน้าที่
เมื่อเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้รับหน้าที่ไปทำงานที่ภาคใต้ ที่สงขลา
พัทลุง ตามลำดับ
พร้อมเรียนวิชาครูมวยที่ได้ร่ำเรียนมาควบคู่ไปกับการเรียนหลักสูตรนายร้อยตำรวจ
การมาทำงานที่พัทลุงได้สร้างชื่อเสียงให้กับขุนพันธรักษ์เป็นอย่างมาก
โดยการปราบโจรเลื่องชื่อ เสือสัง ที่หนีออกจากคุกมาจากเมืองตรัง
ทั้งยังมีผู้อิทธิพลในพื้นที่เลี้ยงดูเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
ทำให้การเข้าจับกุมเป็นเรื่องยากลำบากมาก
แต่ถึงกระนั้นตำรวจหนุ่มผู้นี้ก็ปราบโจรลงได้อย่างราบคาบ และได้รับการแต่งตั้งเป็นนายตำรวจ
พร้อมทั้งเพื่อนตำรวจอีก 2 นายที่ได้ช่วยกันในการจับโจรร้ายรายนี้ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี ร้อยตำรวจตรี
บุตร พันธรักษ์ ได้ปราบโจรทั่วทั้งภาคใต้ได้กว่า 16 ราย อาทิ เสือย้อย เสือเมือง เสือทอง
และได้รับการเลื่อนยยศตามความสามารถ ปีเดียวกันนี้ได้ลาอุปสมบทที่วัดมหาธาตุ
นครศรีธรรมราช เป็นเวลา 1 พรรษา สิ่งที่สร้างชื่อมากที่สุดก็คือ
การเข้าปราบผู้ร้ายทางการเมืองที่นราธิวาส ที่เชื่อกันว่ายิงไม่เข้าและไม่ตาย
เป็นผู้อยู่ยงคงกระพัน ซ้ำยังเลือกเข่นฆ่าเฉพาะชาวไทยพุทธเท่านั้น นามว่า อะแวสะตอ
ตาเละ เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2481 ขุนพันธ์ได้เข้าทำการจับกุม
จนได้รับสมยานามว่า รายอกะจิ มีความหมายว่าอัศวินพริกขี้หนู
ชีวิตการเป็นตำรวจไปได้ดีแต่ก็แลกมาด้วยการเสี่ยงอันตราย หลังจากนั้นได้ย้ายไปทำงานที่พิจิตร และกำแพงเพชร
เนื่องจากโจรผู้ร้ายชุกชุมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ตั้งกองกำลังพิเศษเพื่อเข้าปราบโจร
โดยเฉพาะในเขตจังหวัดสุพรรณบุรีและชัยนาท
ถึงกระนั้นการเข้าปราบโจรก็ยังล้มเหลวในบ้างครั้ง เนื่องจากโจรรู้ตัวก่อน
เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งคือการใช้ดาบเป็นอาวุธแทนปืน จนได้รับสมญานามว่า
ขุนพันธ์ดาบแดง การมาทำงานที่พัทลุงเกิดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อได้รับโทรเลขจากอธิบดีกรมตำรวจว่าชาวพัทลุงได้ประจักษ์ในฝีมือและความสามารถ
ตอนนี้ชาวบ้านเมืองหวาดกลัวจากการถูกปล้นและต้องการตำรวจฝีมือดีมาช่วยปราบปราม
และทุกอย่างก็เป็นไปตามเป้าหมาย บ้านเมืองกลับมาสงบและปลอดภัยอีกครั้ง
และได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวในเวลาต่อมา
นอกจากความสามารถด้านการเป็นตำรวจแล้ว ท่านขุนพันธ์ยังมีความรู้ด้านไสยศาสตร์
ถือว่าเป็นเคล็ดลับหนึ่งที่ช่วยปราบโจรร้ายคนสำคัญได้ รวมทั้งศิลปะการต่อสู้ทั้งการใช้อาวุธและมวยไทย
การมีชีวิตอยู่ของท่านนั้นคือการปกป้องผู้บริสุทธิ์
ปราบปรามคนร้าย ด้วยหน้าที่อันทรงเกียรติ จนได้รับการแต่งตั้งเป็น พลตำรวจตรี
ขุนพันธรักษ์ราชเดช ท่านได้สร้างเกียรติประวัติให้กับวงการตำรวจ
ความดีความชอบจนเป็นที่เลื่องลือ ทั้งฝีมือการปราบปรามผู้ร้าย
และการอุทิศตัวเพื่อประโยชน์ของชุมชนและประเทศชาติ
ผู้สร้างได้ตั้งใจที่จะทำภาพยนตร์เต็มเรื่องนี้ให้ผู้ชมได้เล็งเห็นการเสียสละทุ่มเท
ยึดมั่นในความดี เพื่ออุดมการณ์และประเทศชาติ