หลังจากที่สยามทาวน์ยูเอส ได้นำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 4 กันยายนว่ามีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นที่ มอลลอย อพาร์ทเมนท์ ซึ่งตั้งอยู่บนถนน 15 นอร์ธอีสท์ ของเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน ใกล้กับมหาวิทยาลัยวอชิงตัน โดยเชื่อว่าผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้หญิงสองคนนั้นคือนักศึกษาไทยที่เพื่อนๆ และญาติ ได้พยายามตามหา เพราะไม่สามารถติดต่อได้เป็นเวลากว่า 72 ชั่วโมง แล้ว
ล่าสุด สยามทาวน์ยูเอส ได้รับการเปิดเผยจากกงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ แห่งสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส ว่าหลังจากที่ทราบข่าวก็ได้มีการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที รวมถึงสำนักงานชันสูตรของคิง เคาน์ตี้ (King County Medical Examiner’s Office) ด้วย เพื่อขอทราบผลการ พิสูจน์บุคคลว่าผู้เสียชีวิตคือ นส.กรกมล หลีนวรัตน์ และ นส.ฐิฏิอร โชติช่วงทรัพย์ หรือไม่ ทำให้ทราบว่าจะมีการชันสูตรกันในวันพุธที่ 5 กันยายน
และในช่วงบ่ายของวันที่ 5 กันยายน สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้รับแจ้งผลการชันสูตรว่าหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ นส.ฐิฏิอร โชติช่วงทรัพย์ แต่สาเหตุการเสียชีวิตยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนผลการชันสูตรผู้เสียชีชีวิตอีกราย จะแล้วเสร็จในวันพฤหัสฯ ที่ 6 กันยายน
“นอกจากนี้ ทางสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ประสานงานไปที่สำนักงานตำรวจของเมืองซีแอตเติลด้วย เพื่อขอสอบถามความคืบหน้าทางคดีกับเจ้าหน้าที่สืบสวนเจ้าของคดี แต่ได้รับแจ้งว่ายังไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม” กงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ ระบุ
โดยกงสุลใหญ่ฯ ธานี แสงรัตน์ บอกด้วยว่า ทางสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้รับแจ้งจากญาติของสองนักศึกษา เมื่อวันอังคารที่ 4 กันยายน ว่า นส.กรกมล หลีเนวรัตน์ และ นส.ฐิฏิอร โชติช่วงทรัพย์ ขาดการติดต่อตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ก็มีข่าวร้ายเกิดขึ้นเสียก่อน และว่าทางสถานกงสุลใหญ่ฯ จะติดตามเรื่องนี้ต่อไป รวมถึงเตรียมพร้อมประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ทั้งนี้ ข่าวร้ายที่กำลังเป็นข่าวใหญ่ของสื่อมวลชนแทบทุกสาขาในประเทศไทยในเวลานี เกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.20 น. ของวันอังคารที่ 4 กันยายน 2018 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองซีแอตเติล ได้รับแจ้งว่ามีเหตุฆาตกรรมที่ มอลลอย อพาร์ทเมนท์ โดยผู้แจ้งคือผู้ดูแลอพาร์ทเมนท์ ที่ได้เข้าไปตรวจสอบห้องพักของสองนักศึกษา หลังจากได้รับแจ้งจากญาติว่าขาดการติดต่อกันไปนานกว่า 72 ชั่วโมง
ข่าวบอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพผู้หญิงสองคนเสียชีวิตในห้องพัก สภาพศพถูกแทงตามร่างกาย มีบาดแผลฉกรรจ์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงกับสื่อท้องถิ้นในซีแอตเติลในวันเดียวกันว่า ยังไม่สามารถชี้ตัวได้ว่าผู้เสียชีวิตทั้งสองเป็นใคร รวมถึงไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ด้วย เพียงแต่บอกว่าเป็นคดีที่ไม่มีผู้ต้องสงสัย อีกทั้งยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนจะต้องตกใจกลัว ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากฝีมือของบุคคลที่สาม
รายงานข่าวยังระบุอีกว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม หนึ่งในนักศึกษาไทยที่พักอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งนี้ ได้โทรหาเพื่อนที่ประเทศไทย และเล่าว่า รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตนเอง
ต่อมา ไทยรัฐ ได้รายงานข่าวต่อเนื่องเมื่อวันที่ 5 กันยายนว่าพ่อและญาติของ น.ส.กรกมล หลีเนาวรัตน์ หรือ “น้องแอ๋ม” ซึ่งพำนักอยูที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี กำลังอยู่ในสภาพที่โศกเศร้าเสียใจอย่างมาก
โดยข่าวบอกว่าน้องแอ๋ม เป็นบุตรสาวของนายปภาวิน หลีเนาวรัตน์ หรือ"เฮียย้ง" อดีต รองนายกเทศมนตรี ทต.ธัญบุรี เป็นหลานของนายกฎษดา หลีเนาวัรตน์ นายกเทศมนตรี ทต.ธัญบุรี ส่วนแม่เสียชีวิตไปแล้ว โดยน้องแอ๋ม เป็นคนที่น่ารัก นิสัยดี อ่อนน้อมถ่อมตน และเรียนดี จนเป็นนักศึกษาเกียรตินิยมของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนบินไปเรียนต่อปริญญาโท ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
ทางด้านนายกฤษดา หลีเนาวัรตน์ นายกเทศมนตรี ทต.ธัญบุรี เปิดเผยกับไทยรัฐว่า ข่าวการเสียชีวิตของหลานสาว คือน.ส.กรกมล หลีเนาวรัตน์ อายุ 25 ปี พ่อและญาติๆ ทำใจไม่ได้ พร้อมกันนี้ ตนได้ให้ลูกชายและลูกสาวตนที่เรียนอยู่ที่อเมริกาประสานกับทางสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ เพื่อให้ช่วยติดตามทั้งเรื่องคดีและการรับศพเพื่อเตรียมนำมาบำเพ็ญกุศลที่วัดนาบุญ (คลอง7) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ด้วย
ส่วนข่าวสด ได้นำเสนอข่าวว่า น.ส.ฐิฎิอร โชติช่วงทรัพย์ อายุ 32 ปี มีพฤติกรรมเป็นทอม และเป็นรูมเมทของน้องแอ๋มนั้น ก่อนเดินทางไปเรียนต่อที่สหรัฐฯ เคยอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 44/10 หมู่ 10 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร แต่จากการตรวจสอบพบว่าบ้านหลังดังกล่าวปิดตาย และขึ้นป้ายประกาศขายมานานแล้ว.